เครือข่ายเยาวชน เข้ายื่นข้อเสนอ 3 ข้อถึง “หมอธี” เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ เรียกร้อง ศธ.ทำงานเชิงรุก ออกมาตรการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ชูแนวคิด “วิชาชีวิต” สร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชน ขณะที่ “หมอธี” พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ
20 ก.ย.61 เมื่อเวลา10.00น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน และมูลนิธิแพธทูเฮลท์ กว่า 30 คน เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เพื่อเรียกร้อง เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ โดยขอให้ ศธ.ทำงานเชิงรุก ออกมาตรการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทางสังคมที่ล่อลวงเด็กและเยาวชน หลังพบว่าปัญหาเด็กและเยาวชนทวีความรุนแรงขึ้นในทุกมิติ เช่น ยาเสพติด เหล้า บุหรี่ การพนัน ท้องไม่พร้อม ติดโซเชียล ติดเกมส์ พร้อมนำชุดความรู้วิชาชีวิตจากบ้านกาญจนาฯ ไปต่อยอดพัฒนากระบวนการเรียนรู้ เพิ่มทักษะชีวิตให้กับเยาวชน โดยมีนางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา รับเรื่องแทน รมว.ศึกษาธิการ
ทั้งนี้ กลุ่มเครือข่ายได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ปัญหาเด็กเยาวชน ที่ถูกซุกไว้ใต้พรหม”เพื่อสะท้อนตัวอย่างที่ตามมากับระบบแพ้คัดออกของการศึกษาไทย พร้อมทั้งนำอดีตนักเรียน ที่เคยก้าวพลาด แล้วถูกออกจากโรงเรียนกลางคัน มาร่วมสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นด้วย
โดย นายณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากปัญหาอบายมุข เหล้า บุหรี่ การพนัน ยาเสพติด ติดเกมติดมือถือ รวมถึงท้องไม่พร้อม เป็นปัญหาสำคัญที่ฉุดรั้งอนาคตของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้เด็กและเยาวชน เล่นพนันมากถึง 3.6 ล้านคน มีนักดื่มหน้าใหม่ 250,000 คนต่อปี รวมถึงมีเด็กและเยาวชนไทยเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เฉลี่ยปีละ 2,510 ราย ขณะเดียวกันในวัยนี้เด็กไทยที่อายุต่ำกว่า 15-24 ปี ติดบุหรี่กว่า 1,500,000 คน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่ตามมาอีกมาก ด้วยระบบแพ้คัดออก ลอยแพเด็กหลังห้อง ระบบการประเมินผลที่ทำให้เกิดการซุกขยะไว้ใต้พรหม ไม่กล้านำความจริง นำปัญหามาพูดกันเพราะกลัวกระทบการประเมินหรือภาพลักษณ์สถาบัน
นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า จากข้อห่วงใยที่เกิดขึ้น เครือข่ายเด็กและเยาวชน จึงมีข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ 2561 เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้ 1.ขอให้กระทรวงฯ นำแนวคิดเรื่องวิชาชีวิต ซึ่งพัฒนาและรวบรวมโดยศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก ไปต่อยอดพัฒนากระบวนการเรียนรู้ เพิ่มทักษะชีวิต เป็นภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชน เมื่อต้องเผชิญกับความจริงในสังคม 2. ขอให้กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับปัญหาปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน (ยาเสพติด เหล้า บุหรี่ การพนัน ท้องไม่พร้อม ติดโซเชียลมีเดียฯลฯ) โดยกำหนดให้สถาบันการศึกษาต้องดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม นำการแก้ไขปัญหาเด็กที่เคยผิดพลาดมาพิจารณาร่วมในการประเมิน 3. ขอให้กระทรวงฯ มีการปฏิรูปฝ่ายครูแนะแนวของทุกสถาบันการศึกษา ให้ทำงานเชิงรุก เพื่อรับมือกับปัญหาปัจจัยทางสังคมที่ชักนำ ล่อลวง เด็กและเยาวชน ให้ตกหลุมพลาง มีการให้คำปรึกษาที่เป็นมิตร ไม่ซ้ำเติมและเป็นที่ไว้วางใจของเด็กและเยาวชน โดยอาจมีการทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน มูลนิธิต่างๆในพื้นที่ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
ขณะที่นายชยุต พ่วงมหา เจ้าหน้าที่มูลนิธิแพธทูเฮลท์ กล่าวว่า ปัจจุบันวัยรุ่นที่พลาดพลั้งเกี่ยวกับเรื่องเพศมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงเด็กที่ต้องออกโรงเรียนกลางคันมีสูงกว่า 1 แสนคนต่อปี คำถามคือเด็กนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ควรต้องอยู่ในระบบการศึกษา แต่ทำไมเด็กกลุ่มนี้ต้องออกมาและส่วนใหญ่มาเรียนต่อที่ กศน.จำนวนมาก นั่นแปลว่าเด็กมีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากโรงเรียน และโรงเรียนก็ไม่ได้รับผิดชอบถึงจุดสูงสุด โดยไม่ส่งเสริมให้เขาได้เรียนจนจบ แต่กลับปัดปัญหาผลักดันเขาออกมา แต่แม้เขาอยากจะออกมา ทางโรงเรียนก็ควรต้องดึงเขาไว้ไม่ใช่หรือ เพราะอย่าลืมว่า กศน.ไม่ได้ทำระบบไว้รองรับเด็กนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เช่น กรณีล่าสุดที่ทางมูลนิธิฯเข้าช่วยเหลือ คือ นักเรียน ม.5 ตั้งครรภ์ พอครูรู้ว่าจะให้ออก แต่เด็กต้องการเรียนต่อให้จบ เรื่องนี้ ต่อสู้กันและเคยนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในที่ประชุมสภา พ.ร.บ.การตั้งครรภ์ไม่พร้อม จนหลายฝ่ายเข้าช่วยเหลือให้เด็กสามารถเรียนต่อได้ แต่เมื่อเด็กถูกต่อว่าจนบอบช้ำ จึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อ นอกจากนี้ ยังมีเคสที่โรงเรียนให้เด็กเลือกระหว่างยุติการตั้งครรภ์แล้วได้เรียนต่อ หรือถ้าไม่ยุติการตั้งครรภ์ก็ต้องออกจากโรงเรียน
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้ให้เห็นว่า ทางโรงเรียนไม่มีระบบการช่วยเหลือ จะให้เด็กออกอย่างเดียว มุ่งเน้นรักษาภาพลักษณ์ของสถาบัน ห่วงผลประเมินหากพบว่าเด็กมีปัญหา ดังนั้นเมื่อหลักสูตรทุกอย่างต้องผ่านศธ. ศธ.ก็ควรต้องเป็นที่พึ่ง เป็นโค้ชให้เด็กและเยาวชน ควรทำระบบการศึกษาให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีวิชาเพศศึกษา วิชาชีวิต ให้เด็กเข้าไปอยู่ในหลักสูตร และต้องมีในคาบเรียนเกิน 16 คาบต่อปี อีกทั้งครูแนะแนว ต้องมีความรู้ความเข้าใจ ให้คำปรึกษาอย่างเป็นมิตร สร้างระบบ สร้างสิทธิให้เด็กได้เข้าถึงการเรียนด้วย จึงอยากสนับสนุนให้ ศธ. เร่งนำองค์ความรู้เรื่องวิชาชีวิต ของบ้านกาญจนาฯ มาประยุกต์ต่อยอด เพื่อเป็นต้นทุนชีวิตให้เด็กๆและเยาวชน" นายชยุต กล่าว
ด้าน ดร.วัฒนาพร ระงับทุกข์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า รมว.ศธ.ได้มอบให้ตนมารับเรื่องแทน ก็ต้องขอขอบคุณในความปราราถนาดีที่ผู้แทนองค์กรและเครือข่ายเยาวชนฯออกมายื่นข้อเสนอในวันเยาวชนแห่งชาติ เป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยเยาวชนของประเทศ โดยเฉพาะความห่วงใยเรื่องของแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาเสพติด การท้องไม่พร้อม ซึ่งเป็นปัญหาสังคม โดยเฉพาะเรื่องติดเกมส์ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่เข้ามาจากกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งภารกิจสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ มีภารกิจที่ดูแลเยาวชน ที่ผ่านมาก็มีความพยายาม มีประกาศ มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษา ดำเนินการหลาย ๆเรื่อง ซึ่งในหลายๆเรื่องก็เห็นผลชัดเจน แต่ก็มีหลายเรื่องที่ต้องยอมรับว่า ศธ.มีโรงเรียนในสังกัดอยู่เป็นจำนวนมาก ประกาศบางอย่างลงไปอาจจะไม่ทั่วถึง หรือมีความล่าช้า ดังนั้นการที่มีเครือข่ายต่างๆเข้ามากระตุ้นส่งเสริมตรงนี้ก็จะช่วยให้งานง่ายขึ้นและเร็วขึ้น โดยเฉพาะที่เสนอมา 3 ข้อในวันนี้ ศธ.ก็ยินดีจะรับไปพิจารณา เช่น การเพิ่มทักษะชีวิต ของบ้านกาญจนา ซึ่งทำได้ดีมาก และเป็นบทเรียนสำคัญ ซึ่งวิชาทักษะชีวิตของศธ.มีอยู่แล้วในวิชาลูกเสือ แต่ด้วยกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เร็ว การตื่นตัวที่จะเข้าไปผลักดัน วิชาชีวิตที่มีอยู่จึงอาจไม่ทันการ ดังนั้น ก็จะนำการเพิ่มทักษะชีวิต ของบ้านกาญจนาเข้าไปเสริมในหลักสูตรให้กว้างขวางมากขึ้น
นางวัฒนาพร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ในเรื่องยาเสพติด เหล้า บุหรี่ การพนัน ท้องไม่พร้อม ติดโซเชียลมีเดีย นั้น ศธ.ก็จะพยายามจะไปรณรงค์ดูแลให้ชัดเจนทุกภาคส่วน ขณะนี้มีการตั้งศูนย์อำนวยการในระดับโรงเรียนแล้ว ก็จะลงไปขับเคลื่อนในเรื่องยาเสพติดจะทำให้มีความชัดเจนในทางปฏิบัติ ส่วนเรื่องแนะแนว ก่อนนี้ศธ.มีครูแนะแนว แต่ระยะหลังมีครูแนะแนวน้อยลงอาจจะเกี่ยวกับจำนวนครูที่ลดลง แต่ทั้งนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็ได้จัดหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลช่วยเหลือนักเรียน ก็จะนำข้อเสนอของเยาวชนนี้ไปผนวดเพื่อทำตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น
“ที่มากันในวันนี้ถือว่ามีความกล้าหาญเสียสระที่มีความห่วงใยเพื่อนเยาวชน ความห่วงนี้ศธ.ยินดีที่จะส่งต่อและนำไปขับเคลื่อนให้เต็มที่” นางวัฒนาพร กล่าว
ขณะที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวว่า ยินดีรับฟังคำเเนะนำที่กลุ่มเยาวชนเสนอมา ส่วนที่อย่ากให้มีการปฏิรูปครูเเนะเเนวนั้น ก็เป็นหน้าที่ของศธ.ที่จะต้องรับไปดูว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ และจะปฏิรูปอย่างไร หรือควรพัฒนาอย่างไร ซึ่งเรื่องครูแนะแนวศธ.ก็พยายามทำมาต่อเนื่อง แต่อาจจะยังไม่ครอบครุม ก็ดีที่เยาวชนออกมาบอกศธ.ว่าอยากจะให้ทำอะไร เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ เด็กๆเยาวชนก็คงอยากจะออกมาแสดงกิจกรรม ตนก็ยินดีรับฟัง ไม่มีปัญหา ในยุคปัจจุบันต้องก้าวทันสื่อดิจิทัลเพราะกระเเสโลก กระแสสื่อดิจิทัลมีการเปลี่ยนเเปลงอย่างรวดเร็ว จึงฝากเยาวชนว่าควรคิดวิเคราะห์ เเยกเเยะเเละมีสติในการรับรู้ข้อมูล อย่าเพิ่งหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ต้องใช้สติปัญญาแยกแยะอะไรถูก อะไรผิด อะไรดีอะไรไม่ดี อย่างรีบไปกระจายต่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี