กฤษฏา กล่อมสมาคมธนาคาร สำเร็จ แฮร์คัตยอดหนี้ ร้อยละ50 ช่วยปลดหหนี้สินเกษตรกรกว่า 692ราย 430 ล้านบาท ม็อบเกษตรกร พอใจยอมสลายการชุมนุม จัดรถส่งกลับภูมิลำเนา”
20 ก.ย. 61 ที่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เครือข่ายหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) พร้อมด้วยเครือข่ายหนี้สินชาวนาภาคกลาง กว่า 200 คน ได้ยุติการชุมนุมโดยกระทรวงฯจัดรถไปส่งภูมิลำเนา โดยนางนิสา คุ้มกอง แกนนำฯระบุว่ามีความพอใจที่นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรฯมีความจริงใจแก้หนี้ให้เกษตรกร ภายหลังที่นายกฤษฏา ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ได้ทำบันทึกข้อตกลงการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ โดยรมว.เกษตรฯเซ็นลายชื่อยืนยันไว้เป็นลายอักษร กับแกนนำเกษตรกร และฝ่ายความมั่นคง รับที่จะดำเนินการ ดังนี้ 1.รมว.เกษตรฯจะประสานงานกับเจ้าหนี้ สถาบันการเงินกับลูกหนี้ ซึ่งเป็นเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรกรณีหนี้เร่งด่วนก่อน ภายในวันที่ 25 ก.ย.นี้ โดยการปรับโครงสร้างหนี้ ลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) 2.รมว.เกษตรฯจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ระเบียบ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับกองทุนฯในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้สินกองทุนฟื้นฟูฯให้มีความชัดเจน โดยจะเชิญผู้แทนเกษตรกรมาร่วมประชุมหารือให้ได้แนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ก่อนวันที่ 8 พ.ย.นี้ ทั้งนี้รมว.เกษตรฯจะเร่งรัดให้กองทุนฟื้นฟูฯดำเนินการตามข้อตกลงข้างต้นอย่างเคร่งครัด
นายกฤษฏา กล่าวว่า ได้เสนอเรื่องการปรับโครงสร้างแก้ไขหนี้สินเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯในส่วนของหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ที่ตัดหนี้ให้ 50% ในยอดหนี้คิดดอกเบี้ยที่เหลือ MLR -3 หรือเฉลี่ย 4% ชำระภายใน 15 ปี โดยมีเกษตรกรลูกหนี้ในกลุ่มธกส. กว่า 3.6 หมื่นราย มูลหนี้ประมาณประมาณ 1.02 หมื่นล้าน โดยเป็นยอดหนี้กู้เงิน 6พันล้าน ดอกเบี้ย 4 พันกว่าล้านบาท ทั้งนี้เสนอให้รัฐตั้งวงเงินชดเชยเผื่อหนี้สงสัยจะสูญวงเงิน 3,600 ล้านบาท โดยเรื่องเสนอเลขาธิการครม.ไปแล้ว
รมว.เกษตรฯกล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือหนี้ในส่วนของธนาคารพาณิชย์นั้น หลังจากหารือหลายรอบเพื่อขอความช่วยเหลือ สมาคมธนาคารไทย ได้มีมติที่จะช่วยและวางแนวทางมา ทั้งนี้การช่วยเหลือเป็นไปตามกรอบกติกาที่ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง ทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดลัทธิเอาอย่าง แต่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่แท้จริงและเดือดร้อนจริง เพราะธนาคารก็ต้องรับผิดชอบต่อลูกหนี้ เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของแต่ละธนาคารด้วย ซึ่งการช่วยเหลือของธนาคารพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องเสนอครม.เพราะเป็นช่วยเหลือของแต่ละธนาคารเอง
“นายกรัฐมนตรี มอบให้กระทรวงเกษตรฯเป็นตัวกลางเร่งรัดในการเจรจากับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เพื่อช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้สินเกษตรกรลูกหนี้ที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯที่เป็นปัญหามาเกือบ20ปี เพื่อให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินต่อไป ทั้งนี้ธนาคารมีความกังวลว่าจะเกิดการเลียนแบบมีม็อบกลุ่มอื่นๆมากดดันเหมือนปี 52 จึงให้ธนาคารใช้ดุลพินิจพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ไม่เกินรายละ 2.5 ล้านบาท พร้อมมีแผนพัฒนาอาชีพให้สามารถชำระหนี้ได้ โดยดูความสามารถเกษตรกร พฤติกรรมประกอบการผ่อนชำระใหม่ด้วย โดยเกษตรกรทีได้รับการช่วยเหลือมีคุณสมบัติ เป็นสมาชิกและขึ้นทะเบียนหนี้กับกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นหนี้เอ็นพีแอล(หนี้เสีย)จากทำเกษตรกรรม ภายใน 31 ธ.ค.2560 มีหนี้เงินต้นไม่เกิน2.5ล้านบาท มีความสามารถชำระหนี้เงินต้นกับธนาคารเจ้าหนี้ ที่เหลือ ร้อยละ50 และชะลอการดำเนินคดีทางกำหมายกับลูกหนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2562 ผมตั้งข้อสังเกตไว้ไม่งั้นใครๆจะแห่เดินขบวนมา ซึ่งเกษตรกรที่เข้าเงื่อนไขต้องเป็นหนี้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท หนี้จากทำเกษตร เป็นหนี้ก่อนเดือน ธ.ค.60 แต่รายใดจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ต้องดูเงื่อนไขแต่ละฝ่าย หากเกษตรกรโดนกลั่นแกล้งเข้าโครงการไม่ได้ จึงตั้งมีคณะกรรมการอุทธรณ์ของกองทุนฟื้นฟูฯ พิจารณาร่วมกับธนาคารเจ้าหนี้ กับเกษตรกรลูกหนี้”นายกฤษฏา กล่าว
นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ของ สมาคมธนาคารไทย ได้มีมติร่วมกันที่ช่วยช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ที่เป็นเอ็นพีแอล ภายใน 31 ธ.ค. 2560 เงินต้นไม่เกิน 2.5 ล้านบาทและมีวัตถุประสงค์เพื่อการเกษตร ซึ่งปัจจุบันเหลือ 600 กว่าราย อยากให้ กฟก.จัดการพิจารณาให้เร็วขึ้นต้องการให้การแก้หนี้จบตามคำขอของรมว.เกษตรฯไม่ไช่เพราะถูกม็อบปิดล้อมธนาคารครั้งนี้ทำล็อตใหญ่ในการแฮร์คัตยอดหนี้ลงร้อยละ50
นายณรงค์ อ่อนสะอาดที่ปรึกษารมว.เกษตรฯในฐานะดูแลเรื่องแก้ไขหนี้สินเกษตรกรก้อนนี้กล่าวว่า สมาชิกกฟก.ที่เป็นหนี้ธนาคารพาณิชย์ประมาณ 936 ราย 1,124 สัญญา มูลหนี้ 2,209 ล้านบาท เป็นหนี้ที่ไม่เกิน 2.5 ล้านบาทที่เข้าเกณฑ์ช่วยเหลือ 692 ราย 812 สัญญา มูลหนี้ 430 ล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิน 2.5 ล้านบาทจำนวน 244 ราย 312 สัญญา มูลหนี้ 1,779 ล้านบาท
สำหรับหนี้ธนาคารที่เข้าเกณฑ์ช่วยเหลือของระเบียบกองทุนฟื้นฟูฯมีจำนวน 119 ราย 138 สัญญา มูลหนี้ 44 ล้านบาท ทางกฟก. ได้ตรวจสอบแล้ว จะเข้าดำเนินการเข้าซื้อหนี้ ได้
นายครรชิต สุขเสถียร ผู้อำนวยกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร(กชก.) กล่าวว่า กลุ่มที่ไม่เข้าเกณฑ์ไม่ใช่เกษตรกร แต่ทำธุรกิจส่วนตัว แต่เป็นผู้ยากจน 573 ราย 674 สัญญา มูลหนี้ 385 ล้านบาท พบว่าเป็นกลุ่มที่จะต้องมาพิจารณาว่า หนี้เกิดจากการทำการเกษตรหรือการยั่งชีพแท้จริงหรือไม่ เพื่อจะนำไปคณะกรรมการอุทธรณ์ของกฟก.ที่มีระเบียบช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน ที่กำหนดว่าต้องมีรายได้สุทธิไม่เกิน 87,000 บาทต่อปี จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4-5 เดือนตลอดกระบวนการ ซึ่งและได้สิทธิผ่อนชำระ 20 ปี ดอกเบี้ยปีที่ 1 คิดอัตรา 5% ปีที่ 2-3 คิด 3% ปีที่ 4 เป็นไปคิด 4%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี