สำหรับพื้นที่อื่นๆของประเทศ”นกพิราบ” คือ นกที่เป็นสื่อแห่ง”สันติภาพ” แต่สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นกที่เป็นสื่อแห่ง”สันติภาพ” คือ”นกเขาชวา” เนื่องจากวิถีชีวิตของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะ ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ต่างมีวิถีความผูกพันอยู่กับนกเขาชวา และบัดนี้ นกเขาชวา ไม่ใช่เป็นเพียงการ เลี้ยงเพื่อความเพลินเพลิน เพื่อการแข่งขัน แต่กลายเป็นเรื่องราวของ”เศรษฐกิจ”ตั้งแต่กลุ่มคน”รากหญ้า” จนถึง พ่อค้า และเศรษฐี ทั้งในพื้นที่และต่างประเทศไปแล้ว
มหกรรมการแข่งนกเขาชวาเสียง คือลมหายใจ ของผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทุกสนามทุกพื้นที่ ที่มีการแข่งนก จะสัมผัสได้ถึงความรัก ความสามัคคี การอยู่ร่วมกันโดยไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา ไม่มีความขัดแย้ง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม ในการแข่งขันทุกครั้ง แม้จะมีคำว่า”แข่งขัน” แต่ ทุกอารมณ์ ของผู้ร่วมงาน ที่มีการ ชิงดีชิงเด่น เพื่อการเป็นผู้ชนะ อย่างการแข่งขันกีฬาอื่นๆ และในสนามแข่งนก จะเป็นสนามที่มีเงินสะพัด ตั้งแต่จำนวนหมื่นถึงนับร้อยๆ ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ กระจายไปในพื้นที่ ตั้งแต่เจ้าของนก เจ้าของสนาม จนถึงชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพ การทำกรงนก การปลูกข้าวเลี้ยงนก ผู้มาขายสินค้าต่างๆ ในสนามแข่งนก และอื่นๆ อีกมากมาย ที่มาพร้อมกับกิจกรรม การแข่งนกเขาชวา
วิชัย เริงรณกุลฤทธิ์ หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการ นกเขาชวา ในภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันเป็นนายกสมาคมนกเขาชวาเสียงภาคใต้ และต้นตำรับของ การแข่งขัน นกเขาชวาอาเซียน จนนกเขาชวาเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มประเทศอาเซียน และอาเซียน กลายเป็นตลาดนกเขาชวาเสียง ที่ผู้นิยมเสียงนกเขาชวาเสียง เข้ามาซื้อหานกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีละจำนวนมากกล่าวว่า นกเขาชวาเสียง เป็นนกแห่งสันติภาพ ของคนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ นอกจาก นกเขาชวา จะเป็นเหมือน “ลมหายใจ” ของผู้คนในพื้นที่แล้ว ยังมีนกกรงหัวจุก ที่กลายเป็น นกที่มีผู้นิยมเลี้ยงและมีการแข่งขันในทุกพื้นที่ ซึ่งรัฐควรให้การส่งเสริมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะนอกจากจะเป็นการ ลดความขัดแย้ง เกิดความรักสามัคคีในหมู่ประชาชนแล้ว ยังเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นในชุมชนอีกด้วย
ในขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต )เปิดเผยว่า ศอ.บต. มีความเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมการเลี้ยงนกเขาชวาเสียง ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่ และเป็นการสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีการจับงบประมาณจำนวน 30 ล้านบาท เพื่อการสร้าง นิคมนกเขาชวาเสียงในพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยจะเป็นศูนย์รวมนกเขาชวาเสียง ครบวงจร คือเป็นทั้งที่เลี้ยง เพาะพันธุ์นก เป็นสนามแข่ง เป็นศูนย์เรียนรู้ในเรื่องการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเลี้ยงนก รวมทั้งการผลิตอาหารนก เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องของ นกเขาชวาเสียง ที่ครบวงจรของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยปัญหาหนึ่งที่เป็นอุปสรรคของผู้เลี้ยงนกเขาชวา คือการที่มีหลายประเทศในประชาคมอาเซียน ห้ามนำนกเขาชวา เข้าประเทศ เพราะกลัวเรื่อง”ของหวัดนก” ซึ่ง ศอ.บต. จะได้ประสานกับ กรมปศุสัตว์ เพื่อให้ประเทศดังกล่าว ยกเลิกกฎระเบียบดังกล่าว เพื่อให้การนำนกเขาชวาเสียงจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปยังประเทศเหล่านั้นเป็นไปตามกฎหมาย ในส่วนของ นกกรงหัวจุก หรือนกปรอทหัวโขน ซึ่งเป็นนกที่ คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้นิยมเลี้ยง เพื่อการแข่งขัน เช่นเดียวกับนกเขาชวาเสียงนั้น ศอ.บต. จะส่งเสริม และจะแก้กฎหมาย ที่เป็นอุปสรรคต่อการเลี้ยงเพราะวันนี้ นกกรงหัวจุก ไม่ใช่นำมาจากป่า แต่เป็นนกเลี้ยง เพื่อการแข่งขัน และ สร้างเศรษฐกิจในชุมชน
ดังนั้น นกเขาชวาเสียง คือ นกแห่งสันติภาพ ของดินแดนปลายด้ามขวาน ที่เปรียบเสมือนลมหายใจแห่ง สันติภาพ แห่งความ สมัครสมานสามัคคีของผู้คน ที่ทุกฝ่ายควรเร่งในการสนับสนุน ส่งเสริม ให้กว้างขวาง และเร่งขจัดปัญหาอุปสรรค เพื่อให้ นกเขาชวาเสียง เป็น”สื่อ” สันติภาพ ของผู้คนในดินแดนปลายด้ามขวานอย่างแท้จริง
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี