รายงานพิเศษ : นักวิจัยม.เกษตรฯ ผลิต“อุปกรณ์เก็บเกี่ยวผลไม้อิเล็กทรอนิกส์”
นำร่องตรวจสอบผลสุกแก่ของมังคุด
การปลูกผลไม้ เช่น มังคุด เพื่อให้ได้ผลผลิตมังคุดที่มีคุณคุณภาพ และปริมาณ ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เกษตรกรชาวสวนจำเป็นต้องใช้แรงงานเป็นจำนวน มาก โดยเฉพาะในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ปัจจุบันนี้ได้มีการคิดค้นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่จะใช้ทุ่นแรง บ้าง แต่ยังไม่พบการนำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการเก็บเกี่ยว ยังคงต้องใช้แรงงานคนที่มีประสบการณ์เพื่อทำการเก็บเกี่ยวมังคุดอยู่ โดยการประเมินด้วยสายตา แต่อย่างไรก็ตามด้วยมาตรฐาน ประสบการณ์ ความชำนาญ และทักษะที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละบุคคล ทำให้การเก็บเกี่ยวมีความไม่แน่นอนไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น สีของมังคุด ซึ่งจะเกี่ยวโยงไปถึงความสุกแก่ ของผลมังคุดด้วย
ผศ.ดร.ศุภกิตต์ สายสุนทร อาจารย์ประจำภาควิชาเกษตรกลวิธาน คณะเกษตรมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้าโครงการวิจัย พร้อมทีมนักวิจัยประกอบด้วย ผศ.ดร.สุดสายสิน แก้วเรือง นายกฤตภัทร คล้ายรัศมี และนายขจรรัฐ ทองโย นิสิตปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีระบบเกษตร ร่วมประดิษฐ์คิดค้น “อุปกรณ์เก็บเกี่ยวมังคุด” ที่ให้ความเที่ยงตรง แม่นยำ สามารถตรวจสอบความสุกแก่ของผลมังคุดได้ โดยไม่ทำให้ผลมังคุดเกิดความเสียหายในขณะเก็บเกี่ยว เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการ และเกษตรกรชาวสวนมังคุด อีกด้วย
หัวหน้าทีมนักวิจัย กล่าวว่า การประดิษฐ์คิดค้น “อุปกรณ์เก็บเกี่ยวและตรวจสอบความสุกแก่ของมังคุด” ได้ทำการออกแบบชิ้นงาน ประกอบด้วย 1) ด้ามจับอุปกรณ์ 2) ฐานรองมือจับ 3) ชุดมือจับซ้าย-ขวา ซึ่งมีกลไกสามารถเคลื่อนที่บีบ-ปล่อยได้ และหมุนซ้าย-ขวาได้ ทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา 4) เซอโวมอเตอร์ จำนวน 2 ตัว โดยตัวแรกใช้ควบคุมให้มือจับบีบ-ปล่อย และตัวที่สองใช้ควบคุมให้ชุดมือจับหมุนซ้าย-ขวา 5) เซ็นเซอร์ใช้แสง ใช้ควบคุมองศาการหมุนของชุดมือจับ 6) เซ็นเซอร์วัดค่าสี ใช้ตรวจสอบความสุกแก่ของผลไม้ 7) เซ็นเซอร์วัดแรง จำนวน 1 ตัว ติดตั้งไว้ที่ด้านในของมือจับ เพื่อควบคุมแรงบีบของมือจับไม่ให้ส่งผลต่อความเสียหายของผลไม้ที่เก็บเกี่ยว 8) Joystick ใช้ในการควบคุมการทำงานของเซอโวมอเตอร์ 9) ไมโครคอนโทรลเลอร์ และ 10) แหล่งกำเนิดพลังงานใช้แบตเตอรีขนาด AA จำนวน 8 ก้อน การชาร์จไฟหนึ่งครั้ง อุปกรณ์สามารถทำงานได้ 3 - 4 ชม. เมื่อประกอบอุปกรณ์และชิ้นส่วนอื่น ๆ เข้าด้วยกันแล้ว จะมีขนาดเท่ากับ 0.15 x 0.15 x 1.5 เมตร โดยหลักการทำงานของอุปกรณ์เก็บเกี่ยวผลไม้แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ 1. ระบบแมนนวล และ 2. ระบบกึ่งอัตโนมัติ
ระบบแมนนวล เมื่อเปิดสวิตซ์ ให้นำอุปกรณ์ไปไว้ในตำแหน่งที่จะเก็บเกี่ยวผลไม้ บังคับ Joystick ให้มือจับบีบผลไม้ จากนั้นบังคับ Joystick เพื่อให้ชุดมือจับหมุนบิดไปในทิศทางที่ต้องการ (เพื่อบิดให้ผลไม้หลุดออกจากขั้ว) จากนั้นก็บังคับให้มาอยู่ในตำแหน่งเดิม เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำงานในหนึ่งรอบ
ระบบกึ่งอัตโนมัติ เมื่อเปิดสวิตซ์เพื่อเลือกการทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติ จากนั้นสอบเทียบ (Calibrate) เซ็นเซอร์วัดค่าสีกับสีของผลไม้ (ทำครั้งแรกเพียงครั้งเดียว เพื่อให้เซ็นเซอร์จดจำสีของผลไม้ได้) และนำอุปกรณ์ไปไว้ในตำแหน่งที่จะเก็บเกี่ยวผลไม้ เพื่อให้เซ็นเซอร์วัดค่าสีตรวจสอบค่าสีของผลไม้
เมื่อพบค่าสีถูกต้อง (ได้ระยะสุกแก่) เซ็นเซอร์วัดค่าสีจะทำงาน (ในกรณีที่ค่าสีไม่ตรงตาม ค่าที่ตั้งไว้เซนเซอร์จะไม่ทำงาน) และส่งสัญญาณให้มือจับทำการบีบจับผลไม้ โดยมีเซ็นเซอร์วัดแรง เป็นตัววัดแรงบีบ เมื่อมือจับบีบจับวัตถุได้ตามค่าแรงบีบที่ตั้งไว้ มือจับจะหยุดบีบทันที และหมุนไปเป็นมุม 75° จากตำแหน่งเริ่มต้นเพื่อทำการบิดให้ผลไม้หลุดจากขั้ว จากนั้นมือจับก็จะคายออกให้ผลไม้หล่นใส่ที่รองรับที่เตรียมไว้ แล้วก็จะหมุนกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม เป็นอันเสร็จสิ้นการทำงานในหนึ่งรอบกำลังการผลิตของเครื่อง สามารถเก็บเกี่ยวผลไม้ได้ประมาณ 180 - 210 ผล ต่อ 1 ชั่วโมง
อุปกรณ์เก็บเกี่ยวผลไม้อิเล็กทรอนิกส์ นับเป็นการคิดค้นและสร้างนวัตกรรม เพื่อช่วยลดความเสียหายในขณะเก็บเกี่ยว และยังสามารถตรวจสอบความสุกแก่ของผลไม้ได้ ผู้สนใจขอรับคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ผศ.ดร.ศุภกิตต์ สายสุนทร ภาควิชาเกษตรกลวิธาน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โทร. 02-561-3482
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี