ย้อนไปใน สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานี ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวบรวมไพร่พล หาญกล้าลุกขึ้นต่อต้านกองทัพพม่า ด้วยความรักชาติและแผ่นดินเกิดที่เราท่านรู้จักกันดีในชื่อ “ชาวบ้านบางระจัน” โดยมี “ขุนสรรค์”เป็นหัวหน้ากลุ่ม “บ้านบางระจัน”
“ขุนสรรค์” เป็นชาวเมืองสรรคบุรี เดิมมีตำแหน่งเป็นกำนันอยู่ในตำบลหนึ่ง ในเมืองสรรคบุรี เป็นผู้มีฝีมือสูงในการใช้ดาบ และมีความสามารถในการยิงปืนที่แม่นยำราวจับวาง เป็นคนกล้าหาญยอมสละชีวิตเพื่อต่อสู้กับข้าศึกจนได้รับการยกให้เป็นหัวหน้าคนไทยของค่ายบางระจัน ในการต่อสู้กับพม่าในสงครามก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2
ยืมความจากหนังสือ “ไทยรบพม่า” ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “ชาวบ้านรวบรวมชายฉกรรจ์ไว้ได้ 400 คน มีหัวหน้าชื่อ ขุนสรรค์ นายพันเรืองเป็นกำนัน นายทองเหม็น นายจัน นายเขี้ยว นายทอง แสงใหญ่ ช่วยกันตั้งค่ายขึ้น ได้นิมนต์พระอาจารย์ ธรรมโชติ วัดเขาบางบวช แขวงเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งชาวบ้านนับถือว่าเป็นผู้รู้วิชาอาคม มาเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งหลักฐานยังปรากฏอยู่ให้เห็นคือ ซากโบสถ์วิหาร และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ยามชาวบ้านบางระจันจะออกรบพระอาจารย์ธรรมโชติ จะให้ทุกคนลงอาบน้ำในสระนี้ซึ่งถือว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และมหัศจรรย์ ปรากฏว่าชาวบ้านบางระจันสามารถต่อสู้พม่าเอาชนะได้ถึง 7 ครั้ง 7 หน จนพม่าหวั่นไหวเกรงกลัวฝีมือคนไทยในการรบพุ่งของชาวบ้านบางระจัน”
ชาวบ้านบางระจันสามารถต่อสู้ชนะพม่าได้ถึง 7 ครั้งเนเมียวสีหบดี แม่ทัพพม่ามีความหนักใจมากที่คนไทยเพียง 400 คน ชนะพม่าผู้ที่มีอาวุธและกำลังพลที่เหนือกว่าหลายเท่าจึงได้เปลี่ยนกลศึกใช้การตั้งรับแล้วใช้ปืนใหญ่ระดมยิงชาวบ้านค่ายบางระจันจนล้มตาย เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านบางระจันขอปืนใหญ่จากกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเมืองหลวงจึงหล่อปืนใหญ่ขึ้นใช้เองแต่ก็ไม่เป็นผล ผู้นำชาวบ้านระดับหัวหน้าออกรบก็ถูกพม่าฆ่าตายไปทีละคนสองคนเหลือเพียง“ขุนสรรค์”ที่ยังยืนหยัดต่อสู้กับอริราชศัตรูอย่างพม่าโดยไม่เคยหวั่นไหวถึงแม้รู้ว่าไม่มีทางเอาชนะพม่าได้ ประกาศขอสู้ตายจนวาระสุดท้ายเพื่อชาติไทยและแผ่นดินเกิด ได้นำชาวบ้านบางระจันที่เหลืออยู่ปีนค่ายพม่าบุกเข้าไปถึงภายในค่ายจนตกอยู่ในวงล้อมที่แน่นหนาและถูกพม่ารุมฆ่าตายในที่สุดเมื่อสิ้น “ขุนสรรค์” ต่อมาไม่นานค่ายบางระจันก็เสียแก่พม่า เมื่อเดือน 7 ปีจอ พุทธศักราช 2309
จากความกล้าหาญ ยอมเสียสละชีวิตต่อสู้กับข้าศึกเพื่อชาติบ้านเมืองของ “ขุนสรรค์” ชาวไทยและชาวชัยนาทจึงยกย่องเทิดทูนว่า “ขุนสรรค์” เป็น “วีรบุรุษแห่งลุ่มน้ำน้อย”และต่อมาชาวชัยนาทได้ร่วมกันสละทรัพย์เพื่อสร้างอนุสาวรีย์ “ขุนสรรค์”ขึ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2525 และอัญเชิญมาประดิษฐาน ไว้ ณ หน้าที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี และมีพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณ “ขุนสรรค์ วีรบุรุษแห่งลุ่มน้ำน้อย” ใน วันที่ 19 มกราคม ซึ่งได้กระทำสืบทอดกันมาทุกปี ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี ที่ตั้งปัจจุบัน
ในปี 2556 จังหวัดชัยนาท นายจำลอง โพธิ์สุข ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ได้กำหนดการจัดงานขึ้น ในวันที่ 18-20 มกราคม พ.ศ. 2556 โดยในวันที่ 19 มกราคมพ่อเมืองชัยนาทจะเป็นประธานในการบวงสรวง ทั้งพิธีสงฆ์ และพิธีพราหมณ์ ภายในงานพบกับการออกร้านจำหน่ายสินค้าโอท็อป เทศกาลอาหารอร่อย และกิจกรรมขบวนแห่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อ.สรรคบุรี มาตุภูมิถิ่นกำเนิดของ “ขุนสรรค์” เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของผู้เป็นวีรบุรุษของชาวชัยนาทและชาวไทย “ด้วยความสำนึกในพระคุณ ของบรรพชนอย่างมิเคยสร่างซา”
ชูเดช สีหะวงษ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี