เกษตรฯ ไฟเขียวกำหนดราคาซื้อขายผลปาล์มน้ำมันราคาเดียวในตลาด
วันพุธ ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556, 09.53 น.
Tag :
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการผลิต ว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 กำหนดให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มน้ำมันที่อัตราน้ำมัน ร้อยละ 17 ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.00 บาท และอัตราน้ำมันร้อยละ 18.5 ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.35 บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม พร้อมทั้งมีมติให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้าน การผลิต กำหนดอัตราน้ำมันจากผลปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมเพื่อเป็นมาตรฐานในการรับซื้อผล ปาล์มน้ำมันที่ทุกฝ่ายยอมรับ โดยให้มีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2556 นั้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโดยหลักการให้กำหนดราคาซื้อขายผลปาล์มน้ำมันราคา เดียวในตลาด โดยให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ เนื่องจากปัจจุบันมีการซื้อขายผลปาล์มน้ำมันใน 2 ราคา คือ ราคาปาล์มลูกร่วง และราคาปาล์มน้ำมันทั้งทะลาย ซึ่งราคาปาล์มลูกร่วงสูงกว่าราคาปาล์มทั้งทะลาย ประมาณ 0.5-1.2 บาท ต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการลานเทบางส่วนแยกผลปาล์มน้ำมันออกจากทะลายปาล์ม น้ำมัน ส่งผลให้อัตราน้ำมันและคุณภาพน้ำมันลดลง นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำหนดอัตราน้ำมันจากผลปาล์มน้ำมันขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 18.0 ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสม ซึ่งทางเกษตรกรและผู้ประกอบการโรงงานได้ให้ความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการกำหนดราคาในการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันนั้น ผู้ประกอบการไม่สามารถกำหนดราคาได้แน่ชัด เนื่องจากราคาได้เป็นไปตามกลไกของตลาดโลก และเงื่อนไขของรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลมีการคุมราคาน้ำมันพืช จึงส่งผลต่อการกำหนดราคาต้นทุนด้วย
นอกจากนั้น ยังได้พิจารณาถึงแนวทางการลดต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมัน เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หรือระหว่าง ปี 2551-2555 ต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอัตราร้อยละ 6.13 ต่อปี จึงได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริม การเกษตร ดำเนินการปรับเปลี่ยนนำปาล์มน้ำมันพันธุ์ดีมาปลูกแทนพันธุ์ปาล์ม น้ำมันเก่าที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปให้แก่เกษตรกร พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการบูรณาการผลิต การตลาด บนพื้นฐานศักยภาพและความเข้มแข็งของเกษตรกร สถาบันเกษตรกร รวมทั้งการเชื่อมโยงกับภาคเอกชนด้วย