จากนโยบายปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ที่ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา และให้คงอัตรานี้ไว้เป็นระยะเวลา 2 ปี ไปจนถึงปี 2558 ซึ่งนโยบายดังกล่าวในมุมของภาคเกษตรแล้ว มีทั้งผลในทางบวกและทางลบ โดยศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร หรือ KOFC ได้มีการวิเคราะห์ด้านนี้ไว้แล้ว
ดร.จารึก สิงหปรีชา ผู้อำนวยการศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร (KU - OAE Foresight Center : KOFC) กล่าวว่า จากนโยบายปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคเศรษฐกิจมหภาคและภาคการเกษตร ดังนี้ ด้านภาพรวมทางเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์ KOFC ได้วิเคราะห์โดยใช้แบบจำลองดุลยภาพทั่วไปทางเศรษฐกิจมหภาค พบว่า การเพิ่มขึ้นของค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท จะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าโดยรวมสูงขึ้น ส่งผลให้ระดับราคาสินค้าโดยทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันนโยบายนี้ทำให้ระดับรายได้ของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น ถือเป็นการกระตุ้นการบริโภคของภาคครัวเรือนโดยตรงส่งผลให้มีการใช้จ่ายใน ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามระดับรายได้ที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ สูงกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ในภาพรวมดัชนีมูลค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ที่แท้จริงเพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 0.64-1.29 โดยประมาณ ซึ่งผลของนโยบายจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ
ส่วนด้านภาคการเกษตร พบว่าการเพิ่มขึ้นของค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเกษตร ต้นทุนการผลิต ราคาสินค้า และรายได้ของครัวเรือน ดังนี้ 1.ด้านเศรษฐกิจการเกษตรโดยรวม ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบสูง ร้อยละ 6-10 ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง อ้อยและน้ำตาล ข้าว และพืชไร่อื่นๆ เนื่องจากมีสัดส่วนการใช้แรงงานเกษตรสูง กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบปานกลาง ร้อยละ 3-5 ได้แก่ ยางพารา นมและผลิตภัณฑ์จากนม โคและกระบือ ประมง มะพร้าว และปาล์มน้ำมัน เนื่องจากมีสัดส่วนการใช้แรงงานเกษตรในระดับปานกลาง บางส่วนเป็นการใช้แรงงานภายในครัวเรือน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของยางพารา และปาล์มน้ำมัน ผลกระทบดังกล่าวจะแตกต่างกันตามภูมิภาค และกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อย คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 3 ได้แก่ ผักและผลไม้ สุกร และสัตว์ปีก เนื่องจากมีสัดส่วนการจ้างแรงงานต่ำ ส่วนใหญ่เป็นการใช้แรงงานภายในครัวเรือนเกษตร
2.ด้านต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ถั่วเหลือง อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล ปศุสัตว์ และประมง พบว่า สินค้าเกษตรที่จำเป็นต้องใช้แรงงานในการผลิตมีสัดส่วนมูลค่าแรงงานต่อต้นทุน การผลิตอยู่ในช่วงร้อยละ 30-50 จะส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วงร้อยละ 6-16 สำหรับด้านที่ 3 คือเรื่องราคา ผลจากการศึกษาแบบจำลอง พบว่า ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 12-19 โดย ประมาณ ขณะที่อ้อยและน้ำตาลเป็นสินค้าที่คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของราคามากที่สุด คือ ร้อยละ 19 รองลงมาได้แก่ ข้าว ผักและผลไม้ และมันสำปะหลัง ตามลำดับ และสุดท้ายด้านรายได้ของครัวเรือนเกษตร จากการวิเคราะห์พบว่าผลของนโยบายปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน จะทำให้รายได้ของครัวเรือนเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 - 22 โดยที่สัดส่วนของรายได้จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่มของปศุสัตว์ พืชน้ำมัน และพืชไร่ ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาภาพรวมด้านการเกษตร ปรากฏว่าผลของนโยบายจะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร ระดับราคาสินค้าเกษตร และรายได้ของภาคครัวเรือนเกษตร มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยรายได้ของภาคครัวเรือนเกษตรจะเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับราคาสินค้าเกษตรที่ เพิ่มขึ้น ดังนั้น ศูนย์ KOFC คาดการณ์ว่านโยบายการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน จะส่งผลทำให้เกิดอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้นในช่วงเวลา 4-6 เดือน แต่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอย่างรุนแรงกับภาคการเกษตรขณะเดียวกันจะไม่ทำให้ เกิดการเลิกจ้างแรงงานในภาคการเกษตร
ดร.จารึก กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าในระยะแรกนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท จะยังไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรมากนัก แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีแนวทางการปรับตัวของภาคการเกษตร ทั้งในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพแรงงานเกษตรให้มีความรู้ความสามารถในการ เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต พร้อมกับปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานภาคการเกษตรเป็นแบบการรวมกลุ่มเกษตรกร หรือคนในชุมชน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและช่วยเหลือกันภายในชุมชน นอกจากนี้ รัฐบาลควรมีการควบคุมดูแลและเฝ้าระวังราคาสินค้าอุปโภค บริโภค และติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรพึ่งพาตนเองและใช้แรงงานในครัวเรือนก่อนที่จะพึ่งพา แรงงานภายนอก ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีงานทำตลอดปีและยังช่วยลดต้นทุนการผลิตจากค่าจ้างแรงงาน ที่เพิ่มขึ้นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี