นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้สวมใส่ผ้าไทยเพื่อลดปริมาณการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากผ้าไทยเป็นเส้นใยธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติช่วยดูดความชื้น ระบายความร้อน สวมใส่สบาย เหมาะกับสภาพอากาศในบ้านเรา ซึ่งผ้าไทยนั่นมีหลายชนิดให้เลือก เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าใยกันชง ผ้าป่าน เป็นต้น โดยเฉพาะผ้าไหมไทย เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเป็นเสมือนสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากความสวยงาม ความอ่อนนุ่มสบาย และมีความเลื่อมเงางามโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่ออากาศร้อน ผ้าไหมช่วยคลายให้เย็นได้ ส่วนเวลาอากาศหนาว ผ้าไหมบางๆ กลับช่วยให้อุ่นสบาย เนื่องจากผ้าไหมทอขึ้นจากเส้นใยไหมที่มีขนาดเล็กละเอียด เป็นเส้นใยชนิดเส้นใยยาว จึงทอเป็นผ้าได้ที่สวยงาม เนื้อผ้าอ่อนนุ่ม
ขณะเดียวกันก็มีความเหนียวทนทานของเส้นใยไหม จึงทำให้สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ดี ซึ่งปัจจุบันแม้จะมีผู้นิยมสวมใส่ผ้าไหมเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่กล้าใส่ผ้าไหม เนื่องจากเห็นว่าเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูงและมีความสวยงาม จึงกังวลในเรื่องการดูแลรักษาให้มีความคงทนสวยงาม ทั้งที่ความจริงแล้วการดูแลรักษาผ้าไหมไม่ได้มีขั้นตอนยุ่งยากเลย ซึ่งการดูแลที่เหมาะสมจะทำให้ผ้าไหมหรือผลิตภัณฑ์ ผ้าไหมคงความสวยงามและคงคุณสมบัติดีเด่นได้ยาวนาน และเพื่อตอบรับนโยบายการรณรงค์สวมใส่ผ้าไทยลดการใช้พลังงานของรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหม จึงขอเชิญชวนผู้สนใจไปเลือกซื้อผ้าไหมและร่วมงานมหกรรม “ผ้าไหมดี 4 ภาค” ในระหว่างวันที่ 11 - 13 มีนาคม 2556 ณ กรมหม่อนไหม เกษตรกลางบางเขน กรุงเทพฯ เพื่อเลือกซื้อผ้าไหมสวมใส่ เป็นการยกระดับผ้าไทยให้ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ทั้งในสายตาของชาวไทยและชาวต่างชาติ
ด้าน นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า งานมหกรรม “ผ้าไหมดี 4 ภาค” ดังกล่าว จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกถึงวันที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทรงเปิดอาคารกรมหม่อนไหม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 และเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านหม่อนไหมในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และองค์ความรู้ด้านหม่อนไหม ตลอดจนจำหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์หม่อนไหมจากเกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศ โดยในวันที่ก 11 มีนาคม 2556 เวลา 09.30 น.การเสวนาเรื่อง “การใช้ผ้าไหมไทย” โดย อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้ดำเนินการเสวนา และผู้ร่วมเสวนาจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและผู้ที่อยู่ในแวดวงหม่อนไหม วันที่ 12 - 13 มีนาคม 2556 08.30 - 16.30 น.การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เทคนิคการตัดเย็บ ผ้าไหมให้สวมใส่สบาย” โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านแพทเทิร์น มูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และโดยตลอดทั้ง 3 วันนี้ มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์กรมหม่อนไหม นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง การถวายพระราชสมัญญา“พระมารดาแห่ง ไหมไทย” และ “วันทรงเปิดอาคารกรมหม่อนไหม “
นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการดูแลรักษา/การซักรีดผ้าไหม และการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนไหม เช่น การทำสบู่จากโปรตีนไหม การทำไอศกรีมจากผลหม่อนสด การทำชาใบหม่อน เป็นต้น และที่สำคัญ ได้จัดให้มีร้านค้าจำหน่ายผ้าไหม เสื้อผ้าไหมสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์หม่อนไหมเด่นประจำจังหวัดต่างๆ ร่วม 30 ร้าน ทั่วประเทศ
“กรมหม่อนไหมได้รวบรวมผ้าไหมดีเด่นจากภูมิปัญญาไทยทั่วประเทศมาจำหน่ายในงานนี้ เช่น ผ้าไหมยกดอก จ.ลำพูน, ผ้าไหมแพรวา จ.กาฬสินธุ์, ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท จ.ขอนแก่น, ผ้าเกาะยอ จ.สงขลา, ผ้าจกเมืองลอง จ.แพร่, ผ้าหางกระรอก จ.นครราชสีมา, ผ้าซิ่นตีนแดง จ.บุรีรัมย์, ผ้ากาบบัวและผ้าไหมลายลูกแก้ว จ.อุบลราชธานี เป็นต้น ท่านที่กำลังมองหาผ้าไหมเพื่อมาสวมใส่ เป็นของฝาก หรือเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ท่านมางานนี้งานเดียว ท่านจะไม่ผิดหวัง เพราะสามารถเลือกซื้อเลือกหาผ้าไหมได้ทุกชนิดในงานนี้ จึงขอเชิญผู้สนใจร่วมงานมหกรรมผ้าไหมดี 4 ภาค ในระหว่างวันที่ 11 - 13 มีนาคม 2556 ณ กรมหม่อนไหม และผู้ที่สนใจร่วมฟังการเสวนา/การอบรม สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เวลา 07.30 น.” อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี