สถิติสงกรานต์4วันดุ
ตาย218ศพ
ยอดแซงปีก่อน3.81%
ผู้บาดเจ็บทะลุ2พันราย
ปชช.ทยอยเดินทางกลับ
ถนนเข้ากรุงรถติดหนัก
เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการแถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 โดยระบุว่าในวันที่ 14 เมษายน เกิดอุบัติเหตุ บนถนน 451 ครั้ง ลดลงกว่าในปี 2555 ที่เกิด 580 ครั้ง ลดลง 129 ครั้ง 22.24% มีผู้เสียชีวิต 45 ราย น้อยกว่าปี 2555 ที่เสียชีวิต 66 ราย ลดลง 31.82% ผู้บาดเจ็บ 494 คน ปี 2555 บาดเจ็บ 620 คน ลดลง 20.32%
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่เมาแล้วขับ 41.91% ขับเร็วเกินกำหนด 23.50% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่จักรยานยนต์ 74.19% พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงาน
ทำผิดกม.จราจร1.2แสนราย
รมช.ศึกษาธิการ แถลงต่อไปว่า ได้ตั้งจุดตรวจหลัก 2,347 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 716,161 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 120,856 ราย โดยมีผู้กระทำความผิดไม่สวมหมวกนิรภัย 37,073 ราย รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 34,593 ราย จ.ที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด นครสวรรค์ 23 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากสุด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร สุราษฐ์ธานีและเชียงราย จังหวัดละ 3 ราย และ จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 22 คน
ยอดตายเพิ่ม3.81%จากปีก่อน
สำหรับยอดอุบัติเหตุทางถนน รวม 4 วัน มีอุบัติเหตุทั้งหมด 1,897 ครั้ง ขณะที่ในปี 2555 เกิดอุบัติเหตุ 2,134 ครั้ง ลดลง 237 ครั้ง หรือ 11.11% มีผู้เสียชีวิตรวม 218 ราย โดยปีที่แล้วเสียชีวิต 210 ราย เพิ่มจากปีที่แล้ว 8 ราย หรือ 3.81% ผู้บาดเจ็บรวม 2,020 คน ส่วนปีที่แล้ว บาดเจ็บ 2,288 คน ลดลง 268 คน หรือ 11.71%
“ประจวบ-กาญจน์”นำยอดตาย
สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดนับจนถึงวันที่ 14 เมษายน คือ นครศรีธรรมราช 71 ครั้ง และจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี จังหวัดละ 11 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช 73 ราย ส่วน 11 จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่ ชลบุรี ชัยนาท ตราด นนทบุรี ปัตตานี มหาสารคาม ภูเก็ต ยะลา ระนอง อ่างทอง และอำนาจเจริญ
ปภ.ฝากคนขับเตรียมตัวให้พร้อม
ทางด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้วางแผนการเดินทางกลับ โดยเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม ศึกษาและเลือกใช้เส้นทางที่ปลอดภัย ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด กรณีขับรถทางไกล ให้จอดพักทุก 2 ชั่วโมง หรือทุกระยะ 150 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
บขส.ยันไร้ปัญหาผู้โดยสารตกค้าง
ทางด้าน นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) กล่าวถึงการทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ในช่วงวันที่ 16-17 เมษายนว่า ในขณะนี้พบว่า การนำรถเข้าไปรับผู้โดยสารที่ชานชาลาไม่ตรงเวลา ทำให้ผู้โดยสารต้องรอรถเป็นเวลานาน โดยทาง บขส. อยู่ระหว่างการบริหารจัดการเดินรถให้ตรงเวลา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ให้เกิดปัญหาผู้โดยสารตกค้างอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบจากการจำหน่ายตั๋วโดยสารเกินราคา จึงแนะนำให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น
สพฉ.วอนอย่าโทรก่อกวน1669
น.พ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินในเทศกาลสงกรานต์ว่า ที่ผ่านมา ถือว่าการช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1669 มีความพร้อมมาก และเพียงพอต่อการให้บริการ แต่มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ มีการโทรก่อกวนสายด่วน 1669 เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ศูนย์สั่งการกรุงเทพฯ คิดเป็นร้อยละ 45.93 ต่อวัน จึงอยากขอร้องว่า อย่าโทรเล่นหากไม่มีเหตุจำเป็น เพราะนอกจากจะเป็นการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่แล้ว ยังอาจทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องการความช่วยเหลือจริงขาดโอกาส และอาจถึงแก่ชีวิตได้
ขึ้นชมปราสาทพนมรุ้งวันละหมื่นคน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมาว่า ที่ จ.บุรีรัมย์ ได้มีประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ เดินทางขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้ง บนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมขอมโบราณที่สำคัญของไทยกันอย่างคึกคัก วันละมากกว่า 10,000 คน เพิ่มขึ้นจากวันหยุดปกติ 5 เท่า
ขณะเดียวกัน ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไป จ.บุรีรัมย์บางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น เนื่องจากกลัวว่าจะไม่มีที่นั่ง ขณะที่ตั๋วรถโดยสาร และรถไฟเที่ยวล่องปลายทางกรุงเทพฯ ถูกจองเต็มไปจนถึงวันที่ 18 เมษายน ส่วนที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ใช้กล้องวงจรปิด 10 ตัว ป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพก่อเหตุขโมยทรัพย์สินผู้โดยสาร
ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคึกคัก
ส่วนบรรยากาศที่บ้านภูมิสรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านยังคงตั้งถังและอุปกรณ์เล่นน้ำริมถนน ตลอดเส้น สายทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร บริเวณบ้านภูมิซรอล และบ้านเสาธงชัย โดยมีทหารจากกองกำลังสุรนารี ทหารพราน และฝ่ายความมั่นคงตั้งด่านตรวจเข้ม ตลอดเส้นทาง เริ่มจาก บริเวณบ้านภูมิซรอลบริเวณสะพานห้วยดานและบริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งตลอดเส้นทางมีการเล่นน้ำอย่างสนุกสนานโดยไม่วิตกต่อการแถลงการณ์ต่อศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหารแต่อย่างใด
เชียงรายจับเมาขับเกือบ300ราย
ส่วนที่ จ.เชียงราย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นน้ำกันอย่างล้นหลามทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ที่ศาลจังหวัดเชียงราย ทางตำรวจแต่ละ สภ.ใน จ.เชียงราย ได้นำตัวผู้ต้องหา เมาแล้วขับขี่ยานพาหนะมา ส่งเพื่อทำประวัติ พร้อมทั้งเปรียบเทียบปรับในชั้นศาล โดยมียอดรวมตั้งแต่วันที่ 13 - 15 เมษายน จากทุก สภ. รวมแล้ว เกือบ 300 ราย ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ถูกจับขณะขับขี่ยานพาหนะผ่านด่านตรวจ
คดีเด็ด!เมาแล้วขับเรือหางยาว
นอกจากผู้ที่ถูกตรวจแอลกอฮอล์ เกินจากการขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์แล้ว ที่แปลกคือ เขตของ สภ.เมือง เชียงราย มีผู้ต้องหา 2 รายถูกจับในข้อหา “เมาแล้วขับเรือหางยาว” ซึ่งเป็นผู้ที่ให้บริการเรือหางยาวนำเที่ยวในแม่น้ำกก แต่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากจนเมา ตำรวจเห็นว่า เกรงจะเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ จึงนำตัวมาเป่าเครื่องเป่าแอลกอฮอล์แล้วพบว่าเกินกำหนดจึงควบคุมตัวไว้
หนุ่มพม่าคลายร้อนจมน้ำกกดับ
ส่วนในเวลาประมาณ 13.00 น. ที่บริเวณเชิงสะพานแม่ฟ้าหลวงข้ามแม่น้ำกก เขตติดต่อ ต.ริมกก กับ ต.เวียง อ.เมือง เกิดเหตุมีผู้จมน้ำเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายอ่อง พิว อายุ 19 ปี เป็นชาวเมืองมัณฑเลย์ ประเทศพม่า ทำงานรับจ้างก่อสร้างที่ตัวเมืองเชียงรายพร้อมครอบครัว ซึ่งพลเมืองดีช่วยกันงมหาศพขึ้นไปไว้บนฝั่ง นายอ่องและญาติๆ ได้พากันไปเล่นน้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำกก โดยว่ายลงไปกลางแม่น้ำ ขณะที่มีอาการมึนเมาจึงทำให้ทรงตัวไม่ดี เมื่อถึงกลางแม่น้ำได้สะดุดและเกี่ยวกับขอนไม้ใต้น้ำทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว
แห่ไหว้พระเจ้าตนหลวง
ส่วนที่ จ.พะเยา ประชาชนและนักท่องเที่ยว พากันไปกราบไหว้พระเจ้าตนหลวง พระคู่บ้านคู่เมืองล้านนา ที่วัดศรีโคมคำ ในตัวเมืองพะเยา พร้อมทำบุญสะเดาะเคราะห์ 108 และสรงน้ำพระเจ้าตนหลวงจำลอง เพื่อความเป็นสิริมงคล และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ตร.พะเยาเร่งกวดขันจราจร
ทางด้าน พ.ต.อ.นิธิพัฒน์ พัฒนถาบุตร รอง ผบก.ภ.พะเยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สว่างวิทย์ สุทธหลวง ผกก.สภ.เมืองพะเยา นำกำลังตำรวจจราจรร่วมกับตำรวจทางหลวงพะเยา ตั้งจุดกวดขันวินัยจราจร บริเวณหน้าสถานีตำรวจทางหลวงพะเยา ถนนพหลโยธินขาล่อง อ.เมืองพะเยา เนื่องจากช่วง 5 วันที่ผ่านมา ในเขต อ.เมืองพะเยามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้วถึง 4 ราย
ประชาชนเริ่มทยอยกลับ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพบปะญาติพี่น้อง และนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ได้ทยอยเดินทางกลับกรุงเทพฯ เป็นบางส่วนแล้ว ทำให้บรรยากาศตามสถานีขนส่งต่างๆ เริ่มคึกคัก และถนนสายหลักหลายสายเริ่มมีปริมาณรถหนาแน่นมากยิ่งขึ้น
ถนนสายเอเซียติดหนัก
โดยบรรยากาศการจราจรบนเส้นทางถนนสายเอเซีย(สายเหนือ ) พบว่า มีประชาชนในเขตภาคเหนือเริ่มเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ทำให้การจราจรเป็นไปอย่างติดขัด โดยมีปริมาณรถมาก ซึ่งที่บริเวณ หลัก กม. 18+200 หน้าศาลากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา การจราจรติดขัดยาวเหยียดกว่า 10 กม. และในช่วงเย็นไปจนถึงค่ำ มีปริมาณยานพาหนะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตำรวจทางหลวงต้องเร่งระบายรถตั้งแต่ในช่วงบ่าย
มอเตอร์เวย์รถเริ่มหนาแน่น
ขณะที่เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายสำคัญเชื่อมต่อไปยังภาคตะวันออก ก็เริ่มมีปริมาณรถหนาแน่นขึ้น จากการที่ประชาชนทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ในวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์
ทยอยนั่งเครื่องกลับกรุงเทพฯ
ส่วนบรรยากาศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับอย่างต่อเนื่อง โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่ต้องการหลีกเลี่ยงคนจำนวนมาก ที่คาดว่าจะเดินทางกลับในวันที่ 16 เมษายน และจะได้มีเวลาพักผ่อนอีก 1วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี