การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทย สำหรับด้านสินค้าเกษตรนั้นต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของการแข่งขันกับประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 9 ประเทศ แล้วยังต้องเตรียมความพร้อมในการสร้างความร่วมมือกันของสมาชิกอาเซียนด้วยกัน เพื่อแข่งขันกับประเทศนอกอาเซียน
นางมัณฑนา มิลน์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน โดยวางกรอบยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไว้ 3 ยุทธศาสตร์หลักๆ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้า บริการ การค้าและการลงทุน คือ การกำหนดขอบเขตงานวิจัยเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพืชที่มีศักยภาพในการแข่งขันและมีต้นทุนต่ำ อีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2.ยุทธศาสตร์พัฒนากฎหมาย กฎระเบียบเพื่อความง่ายต่อการลงทุน โดยเรื่องนี้กรมวิชาการเกษตร ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษากฎหมาย หรือ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ ที่กรมวิชาการเกษตรกำกับดูแลอยู่ทั้ง 6 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ปุ๋ย, พ.ร.บ.พันธุ์พืช, พ.ร.บ.วัตถุอันตราย, พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช, พ.ร.บ.กักพืช และพ.ร.บ.ควบคุมยาง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับกฎหมายของอีก 9 ประเทศ ทำให้ทราบว่ามีอุปสรรคหรือความไม่สะดวกตรงไหน จะได้นำมาปรับแก้พัฒนาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรและประเทศชาติ
สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 3 คือยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กรมวิชาการเกษตรตระหนักถึงความสำคัญของศักยภาพของบุคลากร เนื่องจากเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนต้องมีการติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะด่านตรวจพืช ที่จะมีการเคลื่อนย้ายพืชและปัจจัยการผลิตอย่างเสรี เจ้าหน้าที่ด่านต้องมีความรู้เรื่องภาษา และการตรวจศัตรูพืชชนิดใหม่ๆ ที่จะเข้ามา ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพบุคลากรของกรมวิชาการเกษตรอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ กรมวิชาการเกษตรยังได้ดำเนินการตามแผนงานสำคัญ เพื่อเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงห้องปฏิบัติการตรวจสอบสารพิษตกค้าง ปัจจัยการผลิต สารปนเปื้อนและจุลินทรีย์ วัตถุอันตรายทางการเกษตร เพื่อยกระดับให้ได้ตามมาตรฐานสากล รวมถึงร่วมมือกับประเทศสมาชิกทำมาตรฐานอาเซียนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น มาตรฐาน ASEAN GAP มาตรฐานตรวจสอบปัจจัยการผลิต มาตรฐานการนำเข้า หรือมาตรฐานการกักกันพืช โดยที่ผ่านมาไทยได้ร่วมมือกับอาเซียนจัดทำมาตรฐานอาเซียนเสร็จเรียบร้อยแล้วหลายตัว อาทิ กำหนดมาตรฐานสุขอนามัยพืช มาตรการการนำเข้าหัวมันฝรั่งที่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานอาเซียน และการกำหนดมาตรฐานค่าจำกัดสารพิษตกค้างสูงสุดของสารกำจัดศัตรูพืช (ค่า MRLs) รับรองแล้ว 823 ค่า สำหรับสาร 77 ชนิด
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าเรื่องมาตรฐานสินค้าเกษตรของประเทศไทยเราอยู่ในระดับผู้นำในอาเซียน จึงนับว่าไทยมีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน แต่ว่าการเปิดประชาคมอาเซียนนอกจากเราจะต้องแข่งขันกับประเทศสมาชิกอีก 9 ประเทศแล้ว ยังต้องพร้อมในการจับมือกันผลิตสินค้าเพื่อไปแข่งขันกับประเทศนอกภูมิภาค ฉะนั้นเมื่อรวมกันเป็นประชาคมอาเซียน ที่มีฐานการตลาดและการผลิตเดียวกัน ไทยจึงพร้อมจะเป็นศูนย์ฝึกอบรมมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอาเซียน สร้างโอกาสการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี