วันนี้ 9 ก.ค.56 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เดินทางไปประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินของพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ โดยเบื้องต้นที่ประชุมมีมติให้อายัดบัญชีธนาคารของหลวงปู่เณรคำ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 21 บัญชี ซึ่งตนได้ลงนามในเอกสารอายัดไปเรียบร้อยแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ก็จะส่งบัญชีธนาคารทั้งหมดให้กับ ป.ป.ง.เป็นผู้ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของเงิน พร้อมกับเรียกผู้เกี่ยวข้องให้มาชี้แจงในประเด็นที่เห็นว่ามีข้อสงสัย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อตรวจสอบดูว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่ถูกแจ้งความไว้หรือไม่ ขณะเดียวกันในส่วนของความผิดในข้อหาอื่นๆ นั้น ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.เร่งติดตามผู้เสียหายมาให้ปากคำ เพื่อสรุปสำนวนคดีโดยเร็วและเป็นธรรมที่สุด
ผบก.ป.กล่าวต่อว่า การตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงปู่เณรคำ นั้น เนื่องมาจากนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งสามารถแจ้งความได้เนื่องจากเป็นคดีอาญาเพราะถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ทางชุดสืบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็ต้องติดตามตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำ ก่อนจะเสนอศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า อย่างไรก็ดี ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น ทราบว่าขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะเสนอเข้าคณะกรรมการคดีพิเศษ ในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ทาง บก.ป.ก็ยินดีจะส่งมอบคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุพิศาล ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.เอกพงษ์ พลมณี รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญผล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.3 บก.ป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปง.นำหมายค้นของศาลจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่เณรคำ ซึ่งเป็นบ้านพัก 3 หลัง ในบริเวณพื้นที่กว่า 2 ไร่
จุดแรก เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 999 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ของนายรัตน์ และนางสุดใจ สุขผล บิดาและมารดาของหลวงปู่เณรคำ รวมทั้ง นายจำนงค์ สมเทพ พี่ชายต่างบิดาของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งการตรวจคนพบว่าตัวบ้านตั้งอยู่ภายในรั้วสูง มีประตูปิดกั้นแน่นหนา ภายในบ้านตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ และโคมไฟชาโดเลีย มีนางสุขใจ เป็นผู้นำตรวจค้น ขณะที่ นายรัตน์ นอนป่วยอยู่ภายในบ้าน โดยเจ้าหน้าที่พบเอกสาร ใบเสร็จรับเงินต่างๆ จำนวนหนึ่งจึงอายัดไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้พบอัญมณีและเครื่องประดับต่างๆ แต่ไม่พบรถหรู ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการเคลื่อนย้ายไปแล้วก่อนหน้านี้
จุดที่ 2 ที่อาคารไม้ซึ่งเป็นบ้านพักหลังเก่าของครอบครัว ภายในอาณาบริเวณเดียวกัน และจุดที่ 3 จุดสุดท้ายเป็นบ้านพักที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พบตู้เซฟขนาดใหญ่ที่มีการสร้างติดกับผนังอาคาร แต่ไม่พบทรัพย์สินมีค่าใดๆ โดยทางชุดสืบสวน กก.3 บก.ป.ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ จากการตรวจค้นครั้งนี้เพื่อตรวจสอบทางคดี และรายงานผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
ด้าน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ ตนได้นิมนต์พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคโชติรส อายุ 46 ปี ประธานสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ตั้งอยู่ในพื้นที่แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ป.เกี่ยวกับกรณีที่ถูกหลวงปู่เณรคำ หลอกลวงว่าจะหาเงินจำนวน 55 ล้านบาท มาจัดซื้อที่ดินและสร้างวัดให้ จนทางพระธีรธนัชณฤทธา ได้นำเงินทำบุญของญาติโยม ไปวางมัดจำกับธนาคาร สร้างความเสียหายเพราะไม่มีการให้เงินมาซื้อที่ดินสร้างวัดแต่อย่างใด
นายสงกรานต์ กล่าวต่อว่า แม้ว่ากรณีนี้เป็นเรื่องของการสัญญาว่าจะให้ เป็นมูลคดีทางแพ่ง แต่หลังจากมีการจ่ายเงินมัดจำ จนเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว เข้าข่ายหลอกลวง ซึ่งเป็นความผิดอาญา อย่างไรก็ดี ตนยังคงเปิดรับข้อมูลของผู้เสียหายที่ถูกเณรคำ หลอกลวง ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือฆราวาส อย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาเอาผิดกับหลวงปู่เณรคำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี