รายงานพิเศษ : นำร่องนัดพบแรงงานคนพิการ เตรียมขยายผลช่วยคนตกงานทั่วประเทศ

รายงานพิเศษ : นำร่องนัดพบแรงงานคนพิการ เตรียมขยายผลช่วยคนตกงานทั่วประเทศ

วันพุธ ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :

กรมการจัดหางาน จัดงานนัดพบแรงงานคนพิการครั้งยิ่งใหญ่ เดือนสิงหาคมนี้  เผยเป็นตัวกลางประสานระหว่าง พม.ที่จะพาคนพิการมาสมัครงาน กับเซ็นทรัลเวิล์ด ที่ประกาศรับสมัครคนพิการมาทำงาน 140  อัตรา  เชิญชวนคนพิการมาสมัครงาน โดยจะประกาศผลทันทีหลังการสัมภาษณ์ ระบุชัดหากได้ผลดีจะขยายไปจัดร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่ ที่มีนิคมอุตสาหกรรม ทั่วประเทศ

นายประวิทย์  เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ กรมการจัดหางานจะจัดงานนัดพบแรงงานคนพิการร่วมกับบริษัทในเครือเซ็นทรัล ที่ห้างเซ็นทรัลเวิล์ด กรุงเทพ ซึ่งผู้พิการสามารถเดินทางมาได้หลายวิธี ทั้งรถประจำทาง รถแท๊กซี่ รถไฟฟ้าบีทีเอส


ทั้งนี้กระทรวงแรงงาน โดยกรมกรมการจัดหางาน  ได้ประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อให้จัดหาคนพิการเข้ามาสมัครงานในวันนัดพบแรงงานดังกล่าว โดยในส่วนของเครือเซ็นทรัล ได้จัดตำแหน่งงานว่างของบริษัทในเครือทั่วประเทศไว้จำนวน 142 อัตรา โดยจะรับสมัคร สัมภาษณ์ และประกาศผลการคัดเลือกในวันนั้น โดยไม่ต้องกลับไปรอโดยไม่รู้ว่าจะได้งานหรือไม่

นายประวิทย์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำ โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสกลุ่มต่าง ๆ เพื่อจะได้มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ที่สำคัญคือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะเมื่อคนพิการได้โอกาสในการทำงาน เขาก็จะสามารถยืนได้ด้วยตนเอง เกิดความภาคภูมิใจที่สามารถเลี้ยงตนเอง และดูแลครอบครัวได้ โดยไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาเป็นภาระของสังคม แต่พวกเขาคือคนที่มีศักยภาพ เพียงแต่อาจจะขาดโอกาสในการหางานทำ

ทั้งนี้ในฝ่ายของนายจ้างหลาย ๆ แห่งเองก็เคยแจ้งมาว่าประสบปัญหาการหาคนพิการเข้ามาทำงาน คือประกาศแล้วแต่ไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งอาจจะเนื่องจากต่างฝ่ายต่างหากันไม่เจอ ดังนั้นกรมการจัดหางานจึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดนัดพบแรงงานคนพิการ เพื่อให้นายจ้าง และคนพิการได้มาเจอกัน

นายประวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ตามกฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบกิจการ และหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบกิจการจะต้องนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2554 กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง 100 คนขึ้นไปต้องรับลูกจ้างที่เป็นคนพิการเข้าทำงาน 1 คน มิฉะนั้นจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามอัตราส่วนที่กำหนด คืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ คูณจำนวน 365 วัน จะเท่ากับจำนวนเงินที่สถานประกอบกิจการจะต้องนำส่งเข้ากองทุนในปีนั้น ต่อคนพิการ 1 คน

ทั้งนี้ตำแหน่งงานของเครือเซ็นทรัล จะมีหลากหลายมาก ตั้งแต่พนักงานออฟฟิศ เช่นเจ้าหน้าที่พัสดุ แคชเชียร์ รับโทรศัพท์ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ซ่อม ซึ่งบางทีคนทั่วไปอาจจะคิดว่าคนพิการทำไม่ได้ แต่จริงๆแล้วเขาสามารถทำได้ และบางคนอาจจะมีศักยภาพสูงกว่าคนที่มีร่างกายปกติ

โดยงานบางประเภทคนพิการสามารถทำได้ เช่นพนักงานรับโทรศัพท์นั้น ผู้พิการทางสายตา สามารถทำได้ ซึ่งพม.จะมีทะเบียน และรายชื่อคนพิการบางส่วนแล้วว่า รายไหนต้องการทำงาน และสามารถทำงานตำแหน่งไหนได้ ตลอดจนโซนที่พักกับโซนที่ทำงานที่ใกล้เคียงกัน  แต่ก็ขอเชิญชวนคนพิการเตรียมตัวเข้าร่วมงานนัดพบแรงงานในครั้งนี้  โดยจะมีการประชุม และกำหนดวันจัดงานที่แน่นอนอีกครั้งในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป

“กรมการจัดหางานขอเชิญชวนนายจ้าง และเจ้าของสถานประกอบกิจการทุกแห่งด้วยว่า การเปิดโอกาสรับคนพิการเข้าทำงานตามกฎกระทรวงนั้น จะช่วยให้คนพิการได้มีงานทำ มีรายได้จุนเจือครอบครัว ทำให้พวกเขามีความภูมิใจในตนเอง ที่เข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจ เป็นการช่วยส่งเสริมคนพิการให้มีงานทำได้ตรงกว่าการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน  ขณะที่นายจ้างเองก็ได้ลูกจ้างเข้ามาทำงาน” อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าว

ทั้งนี้หากโครงการนำร่อง จัดนัดพบแรงงานคนพิการร่วมกับเครือเซ็นทรัลประสบความสำเร็จ ก็จะขยายไปยังภาคเอกชนอื่น ๆ ในภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีความสนใจให้กรมการจัดหางานเข้ามาช่วยจัดนัดพบแรงงาน คนพิการในลักษณะนี้ ต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top