“การทุจริต” เป็นภัยร้ายแรงสำคัญที่ทำลายความมั่นคงของชาติเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทย ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ หรือเงินงบประมาณเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสของประเทศ เพราะการที่ประเทศไทยมีคอร์รัปชั่นทำให้รัฐบาลกับภาคประชาสังคมขาดความไว้วางใจ ประเทศไทย มีการคอร์รัปชั่นในด้านการเมืองเป็นส่วนใหญ่ การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นมะเร็งร้ายของระบบราชการไทยและเป็นภัยต่อประเทศชาติ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชนหรือภาคเอกชน จะต้องร่วมมือกันในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ด้วยการสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ พร้อมทั้งพัฒนาความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจของประชาชน ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตลอดจนสนับสนุนการสร้างค่านิยมของสังคมให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและถูกต้องชอบธรรม หากปัญหาการคอร์รัปชั่นหมดไปก็จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้
นายภาส ภาสสัทธา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ในส่วนที่สำนักงาน ป.ป.ช.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญประการหนึ่งก็คือด้านป้องกันการทุจริต โดยปกติแล้วทางสำนักงาน ป.ป.ช. ก็มีการป้องกันตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งเป็นภารกิจหลักอยู่ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ให้ทุกภาคส่วน เข้ามามีบทบาทมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้เงินของภาครัฐ และร่วมมือกันต่อต้านหรือเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตหรือการส่งเสริมให้องค์กรในแต่ละพื้นที่ สร้างองค์กรของตนเองให้มีความโปร่งใส มีธรรมมาภิบาลเช่นเดียวกันกับในส่วนของการเมือง ซึ่งก็เป็นภาคส่วนที่สำคัญที่สุดของสังคมไทยในปัจจุบัน
เราจะเห็นได้ว่าการเมืองบ้านเรานั้นในทุกวันนี้ มักจะมีเรื่องของความไม่โปร่งใส เรื่องของเชิงนโยบายที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแล้วในส่วนสำนักงาน ป.ป.ช.ซึ่งเรามีภารกิจด้านป้องกันและดูแลการทุจริตด้านการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้มีการดำเนินการรณรงค์ให้แต่ละองค์กรมีความโปร่งใสไม่ทุจริต โดยเมื่อสองสามปีที่ผ่านมานั้น เราได้มีกิจกรรมอันหนึ่งคือจัดให้มีการประกวดวาดภาพ ในหัวข้อ “พฤติกรรมของนักการเมืองที่ประชาชนมุ่งหวัง” ก็มีผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งเยาวชน เด็กและผู้ใหญ่ ร่วมส่งภาพเข้าประกวดกัน และตอนนี้เราได้คัดภาพที่ได้รางวัลชนะเลิศนั้น นำจัดแสดงนิทรรศการต่อไป
นายภาสกล่าวอีกว่า แต่ในประเด็นหนึ่งที่ทางคณะกรรมการมุ่งเน้นคือเรื่องของทางการเมืองท้องถิ่น ซึ่งจะเห็นได้ว่าเรื่องการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นมีมาก แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าในทุกท้องถิ่นนั้นจะมีปัญหาเหล่านี้ในทุกที่พื้นที่ หากแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้องค์กรปกครองทั้งหมดนี้มีความโปร่งใสในการทำงาน ดังนั้นทางสำนักงานฯจึงได้จัดให้มีโครงการ “ส่งเสริมท้องถิ่นปลอดการทุจริต” ขึ้นมา โดยโครงการส่งเสริมท้องถิ่นปลอดทุจริตนี้ ได้ดำเนินการมา 3 ปีแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้นแบบให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และขยายผลไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น และให้มีการรณรงค์ขยายแนวคิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารงานด้วยความโปร่งใส ให้มีความเข้มแข็งในการบริหารราชการ สร้างความตระหนักถึงปัญหาการทุจริตที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงประชาชนในท้องถิ่น และเป็นการเสริมสร้างปลูกฝังทัศนคติค่านิยม ความซื่อสัตย์สุจริตให้กับชุมชนในการมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตในท้องถิ่นของตนเอง
การจัดให้มีการประกวดองค์การบริหารท้องถิ่นเหมือนกับองค์กรบริหารท้องถิ่นของสถาบันพระปกเกล้าหรือกระทรวงมหาดไทย โดยคุณลักษณะที่เราต้องการนั้น เราจะเน้นเรื่องของการทุจริตเป็นหลัก จะมีมิติที่เราต้องการสร้างขึ้นในมิติต่างๆ ที่เราทำเป็นหลักเกณฑ์ขึ้นมา 5 มิติ ในเรื่องของการสร้างปลุกจิตสำนึก การสร้างความตระหนักขงท้องถิ่นนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวท้องถิ่นเอง หรือประชาชน มิติที่สองก็คือ การบริหารจัดการเรื่องการป้องกันการทุจริต ตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องการบริหารคน งบประมาณอะไรต่างๆ ทั่วๆ ไปในระบบราชการเรา ประการที่สามการส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชน ก็คือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสาร การให้แสดรับฟังความคิดเห็น ประการที่สี่ มิติที่สี่เป็นการเสริมสร้างปรับปรุงกลไกในการตรวจสอบคือประการสำคัญที่สุดประการนี้คือต้องสนับสนุนให้ภาคประชาชนมีบทบาทในการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย มิติที่ห้าเป็นเรื่องของความพร้อมในเรื่องของการเป็นต้นแบบเราเล็งเห็นว่าในส่วนของการที่เราจะประกวดขึ้นมานั้น เราจะให้อยู่เฉยๆ ได้รางวัลไปแต่ละปี มันไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายคือสิ่งที่เขาทำไปแล้วจะต้องสร้างความยั่งยืนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหลาย ประการสำคัญก็คือพยายามสร้างเขาให้เป็นต้นแบบ อาจจะไม่เหมือนกันแต่อาจจะให้ไปปรับขององค์กรปกครองท้องถิ่นแต่ละแห่งไป
นายภาสกล่าวอีกว่า ในสองสามปีที่ผ่านมาที่ได้มีการจัดประกวดนั้น ในตอนนี้ได้องค์กรต่างที่ได้รางวัลชนะเลิศมาทั้งหมด 28 แห่ง ซึ่งในวันที่ 4 กันยายน 2556 นี้ จะมีการจัดงานขึ้นที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นนทบุรีขึ้น โดยงานจะเริ่มขึ้นในตอนเช้ากิจกรรมภายในงานนั้น จะมีการปาฐกถาพิเศษ มีการบรรยายพิเศษโดยผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย จากนั้นก็จะเป็นการการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช.และ องค์กรทั้ง 28 ที่รับได้รางวัลเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเหล่านั้น ได้มีความตระหนัก ความเชื่อมั่น ในคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าจะไม่ทอดทิ้งองค์กรเหล่านี้ แม้ว่าในระบบการเมืองในตอนนี้ จะมีความเปลี่ยนผัน แต่ความยั่งยืนของกิจกรรมแผนงานดีๆนั้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการความรู้คุณธรรม การฝึกอบรมพนักงานให้รู้วินัยให้รู้ในเรื่องของกฎหมาย การทุจริต ในเรื่องของการเปิดเป็นศูนย์การป้องกันการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของตนเอง ก็จะเกิดความยั่งยืนขึ้นมาต่อไป
การจัดโครงการนี้ขึ้นมานั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์นอกจากจะเป็นองค์กรที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ แล้วก็ยังมีประชาชนและประเทศชาติ เพราะอย่างน้อยที่สุดกิจกรรมที่โครงการจัดขึ้นนี้ จะเป็นตัวต้นทาง เป็นปฐมบทของการที่จะช่วยกันสร้างความดี สร้างจิตสำนึกร่วมกันสร้างความดี ถ้าในสังคมเล็กๆ ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดี การเมืองระดับชาติดี ภาคส่วนอื่นๆ ได้มีส่วนสนับสนุน ได้มีส่วนรับรู้ ในสิ่งหรือพฤติการณ์ในการกระทำดีๆของภาคการเมือง ซึ่งเป็นเหมือนบุคคลสาธารณะที่เป็นตัวแทนของประชาชน ก็จะสามารถทำให้สังคมไทยสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ ถ้าทุกภาคส่วนสร้างการมีส่วนร่วมในเรื่องของการต่อต้านการทุจริต ก็จะเป็นพลังที่ดีที่ยิ่งใหญ่ สามารถทำให้ผู้ที่ทำการทุจริตหรือกำลังคิดจะทุจริตเกรงกลัว ปัญหาการทุจริตก็ลดลงได้ เพียงคนดีอย่าเพิ่งท้อถอย ต้องลุกขึ้นร่วมกันต่อต้านการทุจริตให้หมดไปเพื่อประเทศชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี