ประเทศไทยมีแหล่งน้ำจืดเป็นจำนวนมาก โดยแบ่งออกเป็นแม่น้ำสายหลักๆ จำนวน 47 สาย มีหนองบึงธรรมชาติกว่า 11,760 แห่ง และอ่างเก็บน้ำประเภทต่างๆ ที่สร้างขึ้นมากกว่า 6,047 แห่ง แต่แหล่งน้ำธรรมชาติเหล่านี้ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการที่ขนาดของแหล่งน้ำมีพื้นที่ลดลง ปริมาณน้ำไหลเข้า-ออกน้อยลงและมีการตื้นเขินมากขึ้น เนื่องจากการเจริญเติบโตของชุมชนเมือง ตลอดจนการก่อสร้างเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ เพื่อการชลประทาน หรือการผลิตพลังงานไฟฟ้า ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรสัตว์น้ำจืด เช่น แหล่งวางไข่และแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนของปลาน้ำจืดหายไป ทำให้ปริมาณปลาน้ำจืดที่เคยจับได้เป็นจำนวนมากลดน้อยลงไป
โดยในเรื่องนี้ นายยงยุทธ ทักษิญ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสัตว์น้ำ กรมประมง กล่าวว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว กรมประมงจึงมีแนวทางการเพิ่มผลผลิตประมงในแหล่งน้ำจืด ซึ่งได้ทำมาเกือบ 20 ปีแล้ว ทั้งในลุ่มน้ำธรรมชาติ หนอง บึง ทำนบปลา และเขื่อนต่างๆ เนื่องจากสัตว์น้ำเป็นอาหารที่หาได้ง่าย ราคาถูก และมีคุณภาพสูง รวมทั้งสามารถลดปัญหาการขาดแคลนอาหารโปรตีนในชนบทได้เป็นอย่างดี ซึ่งโปรตีนเหล่านี้ เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วก็จะไปพัฒนาสมองให้แก่เด็ก ทำให้สมองได้รับการพัฒนาส่งผลให้มีความฉลาดมากขึ้น
นายยงยุทธกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กรมประมงได้เล็งเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ จึงจัดสรรงบประมาณสำหรับการผลิตพันธุ์สัตว์น้ำจืด เช่น พันธุ์ปลาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะชนิดปลากินพืช อย่างปลาตะเพียน ปลายี่สกเทศ ปลานวลจันทร์เทศ และปลาจีน ซึ่งเป็นพันธุ์ปลาที่เจริญเติบโตอยู่ในแหล่งน้ำได้ดี และกุ้งก้ามกราม ปล่อยลงในแหล่งน้ำทดแทนชนิดและจำนวนสัตว์น้ำจืดที่หายไปเป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 1,500 ล้านตัว แต่การปล่อยสัตว์น้ำเหล่านั้นจะต้องศึกษาว่าในแหล่งน้ำที่จะทำการเพิ่มผลผลิตทางการประมงมีอาหารชนิดใดอยู่ และเหมาะสมกับชนิดพันธุ์สัตว์น้ำจืดชนิดใด รวมทั้งต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้านด้วยว่าสามารถนำไปบริโภคได้หรือไม่ ส่วนช่วงเวลาที่ควรปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำคือในช่วงฤดูฝน เนื่องจากจะทำให้มีปริมาณน้ำท่วมหลากเข้าไปในพื้นที่ทำให้เกิดแพลงตอนพืช แพลงตอนสัตว์ เป็นแหล่งอาหารให้กับลูกปลาที่เราปล่อยลงไป
นอกจากนี้ สิ่งที่กรมประมงทำนอกเหนือจากการดูความเหมาะสมของอาหารธรรมชาติที่มีอยู่ในน้ำแล้ว เรายังแนะนำให้เกษตรกรและชาวบ้านช่วยกันตัดวัชพืชที่อยู่ริมหนอง บึง ม้วนลงไปอยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะกลายเป็นปุ๋ยหมักทำให้เกิดอาหารธรรมชาติ แพลงตอนพืช แพลงตอนสัตว์เกิดขึ้น ซึ่งผลผลิตที่ทำได้อยู่ที่ประมาณ 300-500 กิโลกรัมต่อไร่ ดังนั้น หากประชาชนหรือหมู่บ้านใดที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่แล้ว และได้ไปขอรับพันธุ์ปลาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงนำไปปล่อย ก็ควรสร้างอาหารธรรมชาติให้พันธุ์สัตว์น้ำที่ปล่อยด้วย จะทำให้แหล่งน้ำนั้นสามารถเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำให้กับชาวบ้านได้จับบริโภคกันได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม หากมีผู้สนใจหรือหมู่บ้านใด ต้องการขอรับพันธุ์สัตว์น้ำไปปล่อยในแหล่งน้ำ สามารถมายื่นคำขอรับพันธุ์สัตว์น้ำฟรี หรือขอรับคำแนะนำ ได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดทั่วประเทศหรือศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดของท่านได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี