เห็นคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เดินหน้าต่อไปเรื่องหนึ่งคือการกำหนดพื้นที่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชหรือโซนนิ่ง
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องค้างอยู่ในใจของนายกฯยิ่งลักษณ์ เริ่มต้นตึกคักมาก โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ แต่ไปๆมาๆก็เริ่มแผ่ว เพราะความตั้งใจอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องมีความรู้และพยายามแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ตรงนี้ไม่ค่อยไปได้กับรัฐบาลเพื่อไทยซักเท่าไหร่ ที่หวังผลไว โดยไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
การโซนนิ่งพื้นที่การเกษตร ทุกคนเห็นด้วยในหลักการ แต่ในทางปฏิบัติต้องบอกว่า ไม่ง่ายเลย เพราะเกษตรกรไม่ใช่เครื่องจักรโรงงานที่คิดปุ๊บ ทำได้ปั๊บ ยิ่งนโยบายหรือมาตรการที่เกษตรกรไม่แน่ใจก็ยากจะทำให้เขากระโจนร่วมด้วย เช่น จู่ๆจะให้ปรับจากทำนาเป็นทำไร่อ้อย โดยไม่มีแนวทางชัดเจนเป็นแรงจูงใจ ทั้งเรื่องทุน ดอกเบี้ย ตลาด ระดับราคา และฯลฯ เป็นเรื่องหวังได้ยาก
รัฐบาลยิ่งลักษณ์แถลงนโยบายรัฐเมื่อครั้งขึ้นเป็นรัฐบาลใหม่ๆว่า จะให้เรื่องการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำเป็นปีแรก ทุกคนก็ออกปากชมว่า รัฐบาลนี้แน่จริง เพราะรัฐบาลที่ผ่านๆมาไม่มีใครใส่ใจงานจัดรูปที่ดินชนิดเอาขึ้นมาเป็นนโยบายเร่งด่วน
รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลหลายคนยังไม่รู้เลยว่า การจัดรูปที่ดินเป็นยังไง ต่างจากการปฏิรูปที่ดินตรงไหน ความไม่รู้นี้ก็พลอยทำให้งานจัดรูปที่ดินเป็นไปอย่างเชื่องช้าราวกับคติที่ว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ทั้งที่ในความเป็นจริงกลายเป็นพร้าขึ้นสนิมไปเสียฉิบ เพราะมัวแต่ฟันอากาศไม่ได้ฟันดิน ฟันต้นไม้ แต่อย่างใด
สำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง สังกัดกรมชลประทาน เสนองบประมาณปี 2555 ไป 600 ล้านบาท กลับถูกปรับลดเหลือ 150 ล้านบาท มาปี 2556 ปรับขึ้นมาได้ 200 ล้านบาท จัดรูปที่ดินได้ซัก 20,000 ไร่ได้กระมัง ปี 2557 ได้รับจัดสรรงบ 300 ล้านบาท
สวนทางกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลโดยสิ้นเชิง
ถ้าเป็นอย่างนี้ กว่าจะจัดรูปที่ดินให้ได้ซัก 2 ล้านไร่ เท่ากับจำนวนพื้นที่จัดรูป ณ ขณะนี้ คงต้องใช้เวลาเฉียดๆ 100 ปี โดยประมาณ
เป็นเรื่องน่าเศร้าในการผลักดันขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งที่ให้สัญญาเสียดิบดี และทั้งที่เรื่องนี้เป็นผลดีแก่เกษตรกรโดยตรง กล่าวคือได้รับน้ำอย่างทั่วถึง เป็นธรรม จากระบบคูส่งน้ำที่ก่อสร้างสามารถส่งถึงทุกแปลง ได้รับผลผลิตเพิ่มขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
อันที่จริงสำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง เคยวางแผนจัดทำโครงการเงินกู้ 3,000 ล้านบาทสำหรับจัดรูปที่ดินในโครงการเขื่อนแควน้อย 155,166 ไร่ แต่ไม่ผ่านความเห็นจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ไม่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะการออกแบบ การก่อสร้างนั้น ประเทศไทยสามารถทำได้ เนื่องจากได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสมัยแรกๆที่ต่างชาติเข้ามาจัดรูปที่ดินในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำแม่กลอง
ถ้าเปรียบกับโครงการบริหารจัดการน้ำที่ออกกฎหมายกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ก็ไม่เห็นต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมากนักเลย เอาเข้าจริง ด้านการออกแบบและก่อสร้างกรมชลประทานก็ทำได้เองอยู่แล้ว ถ้าจะมียกเว้นก็เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเรื่องเดียว
จะเข็นโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทก็ว่ากันไป ถ้าเจียดงบแค่ 3,000 ล้านบาทไปทำโครงการจัดรูปที่ดิน 155,166 ไร่ แล้วเกษตรกรไทยเห็นหน้าเห็นหลัง มันจะยากเย็นตรงไหน แถมยังได้คะแนนเสียงอีกต่างหาก
พรชัย สุขสมสันต์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี