รัฐบาลยิ่งลักษณ์แพ้ภัยตัวเองด้วยนโยบายประชานิยมรับจำนำข้าวแบบบ้าคลั่ง เพราะจนถึงวันนี้ใช้เงินหลายแสนล้านบาท และขาดทุนนับแสนล้านบาทเช่นกัน
ปิดบัญชีวันไหน ไม่ใช่“ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” ร้องไห้ดอก เป็นแต่ประชาชนต่างหากที่ร่ำไม่ออก
การขาดทุนจากนโยบายนี้ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเป็นการส่วนตัว เพราะเป็นการเฉลี่ยภาระใส่บ่าของทุกคนพร้อมกันไป กลายเป็น “ภาระกล้ำกลืน”ของคนทั้งประเทศ
จำนำข้าวรอบใหม่ ต้องใส่เงิน 2.7 แสนล้านบาท แม้ตอบได้ทุกคำถามว่า จะเอาเงินที่ไหนมา ความเป็นจริงคือต้องบริหารจัดการเงินแบบตัวเป็นเกลียว โดยไม่รู้ว่า มันจะลงเอยตรงไหน อย่างไร
ครั้นจะพึ่งการระบายขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ บอกกันตรงๆ ว่า หวังได้ยาก ที่ผ่านมาเปิดประมูลนับแสนตัน ขายได้เพียงระดับหมื่นตัน ในขณะการขายแบบจีทูจีก็ยังแค่วิมานในอากาศตราบใดยังไม่มีการซื้อขายจริง ลองนึกดูว่า ขายข้าวในภาวะที่ผู้ซื้อรู้ว่า ผู้ขายแบกสต๊อกมโหฬาร จะขายได้ตันละกี่เหรียญ จะขาดทุนกันบักโกรกเป็นอันดับสุดท้าย
จริงๆ ต้องเลิกนโยบายนี้เสีย แต่เพราะเกรงผลเสียทางการเมืองกลายเป็นรัฐบาลตระบัดสัตย์ ดังนั้น รัฐบาลนี้จึงต้องก้มหน้าก้มตากระทำอนันตริยกรรมกันต่อไป
ทำไมไม่เลือกแนวทางเช่นเดียวกับที่ใช้ช่วยเกษตรกรชาวสวนยาง ด้วยการช่วยค่าปัจจัยการผลิตและจ่ายตรงให้เกษตรกร ซึ่งจะลดภาระการเงินและการขาดทุนลงได้มหาศาล
รัฐบาลยิ่งลักษณ์รู้อยู่แก่ใจถึงความพลาดของนโยบาย แต่เมื่อขี่หลังเสือแล้วจะลงดื้อๆ ก็เกรงเสือกัดก็จำใจต้องควบขับกันต่อไป โดยมีความสูญเสียของประเทศเป็นเดิมพันเห็นๆ กันอยู่
จึงไม่แปลกที่เกษตรกรชาวสวนยาง ชาวไร่มันสำปะหลัง ชาวไร่ข้าวโพด จะเอาอย่างชาวนามั่ง เพราะทุกคนก็เป็นเกษตรกรเหมือนกัน ต้องการการดูแลจากรัฐบาลเท่าเทียมกัน
สิ่งที่น่าเป็นห่วงรัฐบาลนี้คือแนวคิดในการพยายามโดดเดี่ยวชาวสวนยางควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่ประกาศต่อสู้กับรัฐบาลด้วยการปิดถนน และเปิดศึกกับตำรวจสองรอบมาแล้ว
ความพยายามที่ทำให้เห็นว่า ชาวสวนกลุ่มนี้มีนักการเมือง-พ่อค้ารับซื้อยางอยู่เบื้องหลัง โดยออกข่าวทุกวี่วันว่า มีใครเป็นไอ้โม่งมั่งก็ด้วยหวังเอาชนะคะคานอย่างเดียว โดยหลงลืมไปว่าแท้จริงต้นเหตุคือตัวเองที่ปฏิบัติกับเกษตรกรไม่เหมือนกัน ชาวนาได้ 15,000 บาท/ตันมาหลายฤดูการผลิตแล้ว ในขณะชาวสวนยางไม่ได้รับ ครั้นเรียกร้องกลับหาว่า มีเบื้องหลัง
การโดดเดี่ยวชาวสวนยางชะอวด และพยายามสร้างภาพเป็นเรื่องการเมืองนั้น ผลสุดท้ายจะไม่เกิดประโยชน์ต่อรัฐบาลหรือสังคมแต่ประการใด รังแต่จะทำให้สถานการณ์บานปลายกลายเป็นความไม่พอใจรุนแรงยิ่งขึ้น จากปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้มีโอกาสพัฒนาเป็น 14 จังหวัดทั้งภาคใต้
การพูดคุยเจรจายังเป็นหนทางเดียวที่จะคลายสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ได้ อย่างน้อย เป็นการเปิดพื้นที่ให้ชาวสวนได้ระบายความอึดอัดคับข้องใจ ขณะเดียวกันก็ได้รับฟังข้อจำกัดของทางรัฐบาล
ไปด้วยความจริงใจและใจเย็นก็ยังมีโอกาสจับมือกันได้ แทนที่จะออกข่าวเรื่องนายทุนอยู่เบื้องหลัง หรือการจับกุมแกนนำชุมนุมอยู่ทุกวี่วันเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของชาวบ้าน
ถ้ายังคิดจะเอาชนะด้วยการโดดเดี่ยวก็ดี การใช้กำลังก็ดี สุดท้ายคือการผลักชาวบ้านออกไป
คำว่า “ไม่รบนายไม่หายจน”อาจจะได้ยินอีกหน และไม่จำเพาะแต่ชาวยางชะอวดโดยลำพังเท่านั้น
วิชชา ชาญเขตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี