วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แมลงวันผลไม้ เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกผลไม้ของไทย เมื่อปี 2555 ประเทศจีนได้ระงับการนำเข้าผลไม้จากไทย โดยเฉพาะชมพู่ เนื่องจากพบแมลงวันผลไม้ติดไปกับผลผลิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ส่งออกเป็นอย่างมาก แมลงวันผลไม้ หรือแมลงวันทอง เป็นศัตรูสำคัญของผลไม้ หากไม่มีการป้องกันกำจัดอย่างเหมาะสม จะทำให้ผลผลิตเสียหาย 100% ที่สำคัญแมลงวันผลไม้ยังเป็นปัญหาต่อการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศอีกด้วย ดังนั้น สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร จึงได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อหาเทคโนโลยีในการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ในสวนขึ้น โดยทำการทดลองในผลไม้ 3 ชนิด ได้แก่ ชมพู่ ฝรั่ง และมะม่วง เนื่องจากเป็นผลไม้ส่งออกที่สำคัญ
.jpg)
นางสาวสัญญาณี ศรีคชา นักกีฏวิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นผู้ศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ กล่าวว่า จากการศึกษาทดลองพบว่าการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้นั้น จะใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ เช่น การฉีดพ่นยาฆ่าแมลงอย่างเดียวไม่สามารถควบคุมแมลงวันผลไม้ได้ จำเป็นต้องใช้วิธีผสมผสานตั้งแต่ 2 กรรมวิธีขึ้นไป และแต่ละกรรมวิธีต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งผลงานวิจัยขณะนี้ที่สามารถป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีอยู่ด้วยกัน 4 กรรมวิธี ประกอบด้วย 1.การดูแลรักษาความสะอาดแปลงปลูก ด้วยการเก็บผลเน่า ร่วงหล่นออกจากแปลง ไม่ปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวันผลไม้ พร้อมกับตัดแต่งกิ่งให้โปร่งไม่ให้เป็นที่พักอาศัยของแมลงวันผลไม้ ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญที่เกษตรกรไม่ควรจะละเลย เนื่องจากจะช่วยป้องกันการเข้าทำลายผลผลิตได้ 30-40% 2.ใช้กับดักเมทธิลยูจินอล ผสมกับสารฆ่าแมลง อัตรา 4:1 หยอดในสำลีใส่ไว้ในขวดพลาสติก แขวนไว้ในทรงพุ่ม เพื่อล่อให้แมลงวันผลไม้เพศผู้เข้ามาในกับดักและตายอยู่ในนั้น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยตัดวงจรชีวิตของแมลงวันตัวเต็มวัยเพศผู้และลดโอกาสการผสมพันธุ์ เพราะแมลงวันผลไม้เพศผู้จะผสมพันธุ์กับเพศเมียอัตรา 1:1 ถ้าสามารถลดประชากรเพศผู้ได้ก็จะลดการผสมพันธุ์ได้เป็นอย่างดี
.jpg)
วิธีการที่ 3 ใช้เหยื่อโปรตีนอัตรา 200 ซีซี ผสมกับสารฆ่าแมลง 20 ซีซี และน้ำ 5 ลิตร เป็นเหยื่อพิษฉีดพ่น 4 จุดต่อ 1 ต้น โดยฉีดต้นเว้นต้น อัตราที่แนะนำนี้สามารถควบคุมพื้นที่ได้ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งเหยื่อโปรตีนจะเป็นอาหารสำหรับล่อแมลงวันผลไม้ตัวเต็มวัยให้มากินอาหารและตายในที่สุด 4.การห่อผลไม้ ผลไม้แต่ละชนิดจะมีระยะการห่อแตกต่างกันไป กรณีของชมพู่ แนะนำให้ห่อผลช่วงอายุ 14 วันหลังจากไหมร่วง เพราะระยะนี้จะปลอดภัยต่อการเข้าทำลายของแมลงวันผลไม้ เนื่องจากการศึกษาพบว่าถ้าห่อในช่วงอายุ 21 วันหลังไหมร่วงแมลงวันผลไม้จะเริ่มเข้าทำลายผลผลิตประมาณ 10% แล้ว สำหรับถุงที่ใช้ห่อควรเป็นถุงพลาสติกหูหิ้วขนาด 8x16 นิ้ว ความหนาประมาณ 30-45 ไมครอน ตัดปลายถุงเพื่อระบายน้ำ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ถุงรีไซเคิลเพราะมีความบางแมลงวันผลไม้สามารถเจาะไปทำลายผลผลิตได้ง่าย
ส่วนฝรั่งควรห่อผลขณะที่มีอายุ 56 วันหลังจากดอกบาน ห่อด้วยถุงพลาสติกขนาด 6x14 นิ้ว และห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หรือกระดาษสมุดหน้าเหลืองอีกชั้นหนึ่งเพื่อบังแสง สำหรับมะม่วงแนะนำให้ห่อด้วยถุงคาร์บอนสีน้ำตาล ช่วงอายุที่เหมาะสมคือ 60 วัน หลังจากติดผล
.jpg)
น.ส.สัญญาณี กล่าวเพิ่มเติมว่า เทคนิคการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้แบบผสมผสานที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำนี้ อาจจะยุ่งยากสำหรับเกษตรกร และมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการใช้ถุงห่อผลไม้ที่มีคุณภาพความหนาดีกว่าถุงรีไซเคิล แต่ถ้าสามารถปฏิบัติได้ก็จะช่วยป้องกันการเข้าทำลายของแมลงวันผลไม้ และเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยลดการใช้สารเคมีลงได้
นอกจากการให้คำแนะนำเทคนิคการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้แล้ว กรมวิชาการเกษตร ยังส่งเสริมเกษตรกรดำเนินการตามระบบการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ GAP ขณะนี้ได้ขยายผลแปลง GAP ในชมพู่ของเกษตรกรพื้นที่จังหวัดนครปฐมและราชบุรี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชมพู่แปลงใหญ่ จำนวน 45 แปลง คือเกษตรกรจะปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP ทุกขั้นตอนพร้อมกับใช้เทคนิคการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ร่วมด้วย เวลาเก็บผลผลิตจะต้องเก็บทั้งถุงปิดมิดชิด รวมทั้งอาจต้องมีระบบมาตรฐานสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหาร หรือ GHP ที่เป็นมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต้นที่เกษตรกรทำเองได้ คือกางมุ้งป้องกันไม่ให้แมลงวันผลไม้เข้ามาทำลายผลผลิตซ้ำ ระหว่างรอผู้รับซื้อหรือโรงคัดบรรจุที่มีระบบการจัดการที่ดี หรือ GMP มารับผลผลิตไปเข้าสู่กระบวนการส่งออกต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ ของกรมวิชาการเกษตรโดยเฉพาะในชมพู่ก็เพื่อเตรียมความพร้อมส่งออกไปประเทศจีนอีกครั้ง เนื่องจากหลังจากที่ถูกจีนระงับการนำเข้าชมพู่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 กรมวิชาการเกษตรก็ได้หาวิธีป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ไม่ให้ติดไปผลผลิตส่งออก และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จนเห็นผลชัดเจน จึงเตรียมยื่นเรื่องเพื่อทำการยกเลิกการระงับชั่วคราว โดยช่วงกลางเดือนมีนาคม 2557 นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน จะเข้ามาประเมินว่า วิธีการหรือเทคโนโลยีที่ทำนี้จะสามารถลดความเสี่ยงในการติดไปของแมลงวันผลไม้ได้หรือไม่ คาดว่าจีนน่าจะพอใจและยอมรับเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้สามารถส่งออกชมพู่ไปจีนได้อีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี