กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการตรวจบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ตลอดจนกำหนดระบบบัญชีและมาตรฐานการสอบบัญชีให้เหมาะสมกับธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำแก่คณะกรรมการและสมาชิกของสหกรณ์ เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาประสิทธิภาพงานสอบบัญชี ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสหกรณ์คุณภาพ (Quality Cooperative)
ดังนั้น ในวันที่ 12 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ก่อตั้งและพัฒนางานมาครบรอบ 62 ปี ได้ประกาศให้ปี 2557 นี้ เป็น“ปีแห่งการพัฒนาคุณภาพตรวจสอบบัญชีสหกรณ์” เพื่อให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร รู้ทันธุรกิจซับซ้อน เป็นกลไกเตือนภัยการเงินเพิ่มความโปร่งใส ลดปัญหาทุจริต สร้างสหกรณ์มั่นคงหนุนชุมชนเข้มแข็งนั่นเอง
นายวิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในโอกาสวันสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครบรอบปีที่ 62 กระทรวงเกษตรฯได้มีนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เร่งขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดคุณภาพ 2 ระดับ หรือคิวยกกำลังสอง (Q²) โดยเน้นให้พัฒนาประสิทธิภาพงานสอบบัญชีเพื่อให้เกิดสหกรณ์คุณภาพ (Quality Cooperative) และมุ่งเน้นงานส่งเสริมการจัดทำบัญชีรายบุคคลเพื่อให้เกิดสังคมคุณภาพ (Quality Community) ซึ่งจะช่วยให้สถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ขณะเดียวกันยังทำให้เกษตรกร เยาวชน และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมสร้างความมั่นคงให้กับภาคเศรษฐกิจที่เป็นรากฐานของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทางด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานให้สอดรับกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นระบบธุรกิจของสหกรณ์ที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น รวมทั้งการขยายตัวของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้กรอบความตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี (AEC) ซึ่งจะเริ่มมีผลในอนาคตอันใกล้นี้ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้กำหนดให้เป็นปีแห่งการพัฒนาคุณภาพการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 11,300 แห่ง ให้มีความโปร่งใสและเข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาทุจริตและสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงด้วย
เบื้องต้นกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีแผนเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากร ให้มีความรู้เท่าทันระบบธุรกิจสหกรณ์ที่มีความซับซ้อน ทั้งยังมุ่งพัฒนาโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่าย เพื่อสนับสนุนการดำเนินการธุรกิจของสหกรณ์ให้สามารถบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถปิดบัญชีได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาระบบตรวจสอบบัญชีคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผู้สอบบัญชีสามารถตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว และโปร่งใส พร้อมพัฒนาระบบเตือนภัยด้านการเงินเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางช่วยเพิ่มความเข้มแข็งทางการเงินการบัญชีให้กับสหกรณ์ได้
“ขณะเดียวกันยังมีแผนขับเคลื่อนและสานต่อโครงการเกษตรกรปราดเปรื่อง หรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Smart Farmer) โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรจัดทำบัญชีต้นทุนการประกอบอาชีพและบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน เพื่อเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงินและการลงทุนของเกษตรกร รวมถึงการใช้ทรัพยากรทางการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการประกอบอาชีพ อีกทั้งยังมีแผนเร่งดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา มุ่งพัฒนาการบัญชีเด็กและเยาวชน พร้อมส่งเสริมให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารและโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เป็นโรงเรียนต้นแบบด้านการบัญชี มีเป้าหมาย 60โรงเรียน ซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานให้ชุมชนที่อยู่ห่างไกลเกิดความเข้มแข็งและดำรงชีพอย่างมั่นคงมากขึ้น” นายวิณะโรจน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปีนี้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีแผนเร่งจัดระดับกลุ่มสหกรณ์จากทั้งหมด 7,203 สหกรณ์ทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถให้บริการตรวจสอบบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ 1.กลุ่ม AAAเป็นสหกรณ์ที่มีการดำเนินงานและจัดทำรายงานทางการเงินเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับของสหกรณ์ มีจำนวน 4,734 สหกรณ์ 2.กลุ่มAA เป็นสหกรณ์ที่มีความเสี่ยงที่อาจจะดำเนินงานขัดต่อกฎหมายสหกรณ์และ/หรือจัดทำรายงานทางการเงินไม่เป็นไปตามระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด มี 2,006 สหกรณ์ และ3.กลุ่ม A เป็นสหกรณ์ที่มีข้อบกพร่องจากการดำเนินงานและ/หรือจัดทำรายงานทางการเงินไม่เป็นไปตามระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด มี 463 สหกรณ์
อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ติดตามดูแลสหกรณ์กลุ่ม AA และ A ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยย้ำให้ผู้สอบบัญชีประเมินความเสี่ยงในการตรวจสอบบัญชี พร้อมพิจารณาขยายขอบเขตการปฏิบัติงานสอบบัญชีเพิ่มขึ้น ทั้งยังให้คำแนะนำและสอนแนะการทำบัญชีอย่างใกล้ชิด และจัดทำรายงานทางการเงินอย่างถูกต้องเป็นไปตามกฎระเบียบและข้อกำหนด เพื่อช่วยยกระดับสหกรณ์จากชั้น A และ AAขึ้นมาเป็นชั้น AAA ซึ่งเป็นชั้นดีเยี่ยม ซึ่งจะช่วยให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งทางการเงินการบัญชี ที่สำคัญยังเป็นที่น่าเชื่อและเป็นที่พึ่งของสมาชิกได้
“กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีแผนประสานความร่วมมือกับกรมส่งเสริม
สหกรณ์ ในการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้สอดคล้องกัน โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จะดูแลงานด้านการจัดตั้ง จดทะเบียนและส่งเสริมสหกรณ์โดยรวม ขณะที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์จะช่วยดูแลสุขภาพด้านการเงินและการบัญชีของสหกรณ์ มุ่งเน้นความโปร่งใสและถูกต้อง เพื่อเสริมสร้างสหกรณ์ให้มีความมั่นคงและชุมชมเข้มแข็งมากขึ้นเป็นการเตรียมความพร้อมธุรกิจสหกรณ์ไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ด้วย” นายวิณะโรจน์ กล่าว
ทั้งหมด ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในการเดินหน้าขับเคลื่อนสหกรณ์และชุมชนไปสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี