พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์เรื่องน้ำท่า ไม่ค่อยมีปัญหาภัยแล้งอย่างเช่นภาคอื่นของประเทศ แต่ก็ยังปัญหาดินเปรี้ยว ดินพรุ ดินเค็ม ที่ยังส่งผลกระทบต่อการทำการเกษตรของเกษตรกรในภาคนี้อยู่
นายอภิชาต จงสกุล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานีและนราธิวาส อยู่ในเขตความรับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 12จากสภาพภูมิประเทศของภาคใต้ตอนล่างที่ถูกขนาบด้วยทะเลทั้งสองฝั่งจึงมีลักษณะพิเศษ โดยเฉพาะลักษณะของภูมิอากาศ ฤดูกาลที่ไม่เหมือนภาคอื่น ส่งผลให้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดินในการทำการเกษตรมีความหลากหลาย ฉะนั้นปัญหาของดินที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้จึงค่อนข้างมีความแตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ มีทั้งปัญหาดินเปรี้ยว ดินเค็มชายทะเล ดินอินทรีย์ หรือที่เรียกกันว่า ดินพรุ ซึ่งปัญหาดินต่างๆ เหล่านี้ต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงฟื้นฟู เพื่อให้สามารถนำพื้นที่มาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป
การปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และนับเป็นความโชคดีที่มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เน้นเรื่องการศึกษาวิจัยแก้ปัญหาดินในพื้นที่ภาคใต้ เช่น โครงการแกล้งดิน ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด ให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ จนเกิดเป็นรูปแบบที่สามารถนำไปขยายผลยังพื้นที่รอบศูนย์จนเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ และขยายมายังพื้นที่ภาคกลางที่ปัญหาลักษณะเดียวกันได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาดินไม่มีสูตรตายตัว จำเป็นต้องอาศัยการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพราะการพัฒนาต้องเดินหน้าตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ เครื่องมือหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ จะได้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร เนื่องจากปัญหาบางอย่างไม่สามารถแก้จบได้ในทันที ดังนั้น กรมพัฒนาที่ดิน ให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยให้ได้มาซึ่งผลงานใหม่สามารถขยายผลไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ที่มีปัญหาค่อนข้างหลากหลาย บางครั้งการแก้ปัญหาด้วยวิธีหนึ่งอาจใช้ได้ในช่วงระยะเวลานั้น แต่เวลาผ่านไปก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางยกตัวอย่าง การแก้ปัญหาดินเปรี้ยวปัจจุบันใช้หินปูนบด หินปูนฝุ่นไปคลุกเคล้ากับดินเพื่อยกระดับความเป็นกรดเป็นด่างให้สูงขึ้น ปรับปรุงดินจนสามารถทำการเพาะปลูกได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปอนาคตการระเบิดหินภูเขาทำได้ยากหรือลดน้อยลง ในขณะที่ดินยังมีปัญหาความเปรี้ยวอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องหาแนวทางอื่นทดแทนการใช้หินปูนฝุ่น หรือหากต้องมีการใช้ปูนมาร์ลที่ต้องขนจากพื้นที่ภาคกลางไปใช้แทนจะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
“สิ่งที่นักวิชาการของสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 12 ตลอดจนสถานีพัฒนาที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ต้องไปดำเนินการต่อจากนี้คือ งานวิจัยในเขตภาคใต้ตอนล่างต้องมีการปรับตัวอย่างไรให้สนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและการใช้ประโยชน์ที่ดินของเกษตรกร อย่างแนวทางหนึ่งที่มองว่าพื้นที่ภาคใต้มีน้ำฝนมากมายมหาศาลในแต่ละปีที่สูญเสียไปเฉยๆ ถ้านำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จะลดการใช้ปูนที่เป็นทรัพยากรที่จะหมดไปเช่น การทำคันรอบและปรับปรุงดินในคันตรงนั้นโดยใช้น้ำฝนเข้าไปล้าง ไปชะล้างความเป็นกรดต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพส่วนพื้นที่พรุหรือพื้นที่ทิ้งร้างก็เช่นกัน ต้องมีการหาข้อมูล นำมาศึกษาวิเคราะห์และให้มีงานวิจัยมารองรับก่อนจะไปขยายผลสู่เกษตรกร นี่เป็นทิศทางการวิจัยของกรมพัฒนาที่ดิน ที่จะก่อให้เกิดพัฒนา บริหารจัดการดินอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี