จากอดีตรุ่นปู่ย่าตายายที่ทำการเกษตรแบบพึ่งพาธรรมชาติ ทำเพื่อไว้กิน เหลือก็ขาย แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน การทำการเกษตรมุ่งเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงๆ เพื่อขายเป็นหลัก จึงมีการใช้สารเคมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมานอกจากผลผลิตไม่ได้สูงขึ้นอย่างที่หวัง แต่ยังทำให้ผืนดินทำกินเสื่อมโทรมลงทุกขณะ อีกทั้งยังทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
นายบุญมี เนตรสว่าง หมอดินอาสาประจำอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่าสภาพดินในพื้นที่อำเภอพนมทวนที่ผมดูแลในฐานะเป็นหมอดินประจำอำเภอพนมทวน มีความเสื่อมโทรมค่อนข้างมาก และจากการนำตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ที่สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ก็ปรากฏว่าดินถูกสารเคมีทำลายค่อนข้างมาก จุลินทรีย์ในดินเกือบจะไม่มีแล้ว ซึ่งสืบเนื่องมาจากเมื่อก่อน ปู่ ย่า ตา ยาย ทำแบบไม่ต้องพึ่งสารเคมีเลย แต่ปัจจุบันวิถีชีวิตของพี่น้องเกษตรกร แปรเปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยทำเพื่อกิน ทำแล้วเก็บไว้บางส่วน ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่แล้ว กลับกลายเป็นว่าทำเพื่อการส่งออก ทำยังไงก็ได้เพื่อให้ได้เงินมากๆ จากการที่ทำมากก็ต้องลงทุนสูง สิ่งหนึ่งที่จะต้องตามมาคือ โรคและ แมลง พอมีโรค แมลง ก็จะต้องพึ่งสารเคมี จึงทำให้ปัจจุบัน ดินเสื่อมโทรมลงมาก เพราะเกษตรกรได้ใช้สารเคมีมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 40 ปีแล้ว
นายบุญมี เนตรสว่าง
จากการใช้สารเคมีของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะตำบลหนองสาหร่ายที่ตนอาศัยอยู่นั้น เคยมีการตรวจวิเคราะห์สารเคมีปนเปื้อนในพืชผลทางการเกษตร จะพบร้อยละ 100 ที่มีสารเคมีปนเปื้อน แม้ว่าการบริโภคพืชผักที่มีสารเคมีตกค้างจะไม่ถึงตายในทันที แต่จะมีการสะสมในร่างกายก่อให้เกิดโรคมะเร็งในที่สุด ส่วนตัวเกษตรกรเองที่สัมผัสกับสารเคมีตลอดเวลา จากการสำรวจ 27 คน มี 24 คน ที่มีปริมาณสารเคมีในเลือดเกินปริมาณที่ร่างกายจะรับได้ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่าสารเคมีเป็นอันตรายทั้งต่อตัวเกษตรกรผู้ใช้และผู้บริโภค ที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทั้งดินเสื่อมโทรมและแหล่งน้ำมีการปนเปื้อน
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ตนสนใจที่จะเข้าสมัครมาเป็นหมอดินอาสา เพื่อพัฒนาพื้นที่ของตนเองและใกล้เคียงให้ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ โดยเน้นการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ลดการใช้สารเคมีแล้วหันมาใช้พืชสมุนไพร เช่น สะเดา บอระเพ็ดและใช้สารเร่ง พด.7 ของกรมพัฒนาที่ดิน มาผลิตสารป้องกันแมลงศัตรูพืชไว้ใช้เองทดแทนการใช้สารเคมีที่นับวันจะมีราคาสูงขึ้น
หมอดินบุญมี กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งหนึ่งที่น่าตกใจของเกษตรกรในตำบลหนองสาหร่ายก็คือ จากจำนวนประชากรจำนวน 919 ครอบครัว มีรายได้จากการทำการเกษตรด้วยการปลูกข้าวเป็นพืชหลัก รองลงมาคืออ้อย และพืชผักบางส่วน รวมแล้วประมาณ 153 ล้านบาทต่อปี แต่มีรายจ่ายรวมกันไม่ต่ำกว่า 106 ล้านบาท ซึ่งหมวดรายจ่ายที่มาเป็นอันดับหนึ่งของคนในตำบลนี้คือมาจากภาคการเกษตร โดยนำเงินไปซื้อปัจจัยการผลิต ซื้อปุ๋ยเคมีและสารเคมีกำจัดศัตรูพืช รวมกว่า 42 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าตำบลเล็กๆ เพียงแห่งเดียวต้องสูญเสียรายจ่ายไปกับปัจจัยการผลิตพวกปุ๋ยเคมีและสารเคมีมากมายขนาดนี้ ซึ่งรายจ่ายเหล่านี้ก็คือต้นทุนการผลิตของเกษตรกรทั้งสิ้น เมื่อต้นทุนการผลิตสูง ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขายผลผลิตให้ได้ราคาสูง อย่างข้าวถ้าไม่ได้ตันละ 15,000 บาทก็เดือดร้อน โดยเฉพาะตอนนี้เกษตรกรหลายคนยังไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ต้องเป็นหนี้และทุกข์ใจมากขึ้น
ฉะนั้น หนทางรอดในอนาคตจะต้องลดการพึ่งพาสารเคมี เพื่อลดภาระต้นทุนการผลิต มาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตได้เอง จะทำให้ต้นทุนลดลงได้จากเดิมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนการใช้สารเคมี เพื่อช่วยกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงโดยใช้สารเร่ง พด.5 ตัว ได้แก่ สารเร่ง พด.1 พด.2 พด.3 พด.9 และพด.12 ถึงแม้ว่าขั้นตอนการทำจะยุ่งยากหรือไม่สะดวกเหมือนกับการที่ไปซื้อปุ๋ยที่ตลาด แค่ไปซื้อปุ๋ยมา 1 กระสอบแล้วก็หว่านได้ทันทีก็จริง แต่ผลที่ตอบกลับมาจากความสะดวกสบายนี้ส่งผลเสียตามมาอีกมากมาย เช่น ต้นทุนการผลิตสูง ดิน น้ำ อากาศ เสียหายเสื่อมโทรม ยังส่งผลต่อร่างกาย แต่ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เราผลิตเองนี้ อาจจะไม่สวย ใช้ยาก แต่ต้นทุนต่ำมาก ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน และถ้าในอนาคตข้าวจะขายไม่ได้ราคาตันละ 15,000 บาท แต่เกษตรกรก็ยังอยู่ได้เพราะต้นทุนเราต่ำ ทั้งนี้ อยากฝากถึงเกษตรกรให้น้อมนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคงและมีความสุข
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี