จากปัญหาที่สหภาพยุโรป (อียู) ตรวจพบศัตรูพืชกักกัน ได้แก่ หนอนชอนใบ แมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟและแมลงวันผลไม้ ในสินค้าผัก ผลไม้ที่นำเข้าจากประเทศไทยบ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สหภาพยุโรปมีความเข้มงวดด้านสุขอนามัยพืชที่นำเข้ามากขึ้น ถึงขั้นประกาศว่าหากตรวจพบปัญหาศัตรูพืชกักกันเกิน 5 ครั้งภายใน 1 ปี จะมีมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าพืชผัก 5 กลุ่ม 16 ชนิด ประกอบด้วย 1.กะเพรา โหระพา แมงลัก ยี่หร่า 2.มะระจีน มะระขี้นก 3.มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือม่วง มะเขือเหลือง มะเขือขาว มะเขือขื่น 4.พริกหยวก พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู และ 5.ใบผักชีฝรั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง
กรมวิชาการเกษตร ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการออกใบรับรองสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช สำหรับผักผลไม้ส่งออกไปต่างประเทศ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ออกมาตรการควบคุมพิเศษการส่งออกผักและผลไม้สดไปสหภาพยุโรป นอร์เวย์ และสมาพันธรัฐสวิส ระบบบัญชีรายชื่อโรงคัดบรรจุ (Establishment List) หรือเรียกย่อๆ ว่า มาตรการ EL เพื่อควบคุมการส่งออกพืช 5 กลุ่ม 16 ชนิดดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2554 และต่อมาได้ขยายการควบคุมในพืชอีก 6 ชนิด ได้แก่ ถั่วฝักยาว คะน้า กวางตุ้ง ผักชีไทย สะระแหน่ ขึ้นฉ่าย เนื่องจากเป็นพืชที่ตรวจพบปัญหาเช่นกัน ฉะนั้นปัจจุบันมีการประกาศมาตรการ EL กับพืช 22 ชนิด
นางสาวปรียานุช ทิพยะวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบความปลอดภัยสินค้าพืช สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า มาตรการควบคุมพิเศษระบบบัญชีรายชื่อโรงคัดบรรจุ หรือ มาตรการ EL เป็นมาตรการที่กรมวิชาการเกษตรจัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการตรวจพบปัญหาด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชในสินค้าส่งออกไปสหภาพยุโรป โดยมาตรการ EL เป็นเครื่องมือหนึ่งในการคัดกรองโรงคัดบรรจุที่จะเข้าสู่มาตรการควบคุมพิเศษ จะต้องมีระบบควบคุมตั้งแต่แปลงผลิตของเกษตรกรที่เป็นเครือข่ายที่นอกจากได้รับการรับรองแหล่งผลิตตามมาตรฐานการผลิตพืช GAP แล้วโรงคัดบรรจุต้องให้ความรู้เกษตรกรเครือข่ายของตนในเรื่องของสารเคมี จุลินทรีย์ และศัตรูพืชกักกันของประเทศปลายทางนั้นๆ เพื่อให้ปฏิบัติได้ตามมาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนด ส่วนโรงคัดบรรจุเองต้องมีหลักปฏิบัติที่ดีในการผลิต GMP รวมถึงต้องมีการประยุกต์ใช้ระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องควบคุม HACCP เพื่อให้มั่นใจว่าโรงคัดบรรจุมีการป้องกันปัญหาศัตรูพืชซึ่งเป็นหลักการของสุขอนามัยพืช พร้อมกันนี้ก็คำนึงถึงสารตกค้างและการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นเรื่องของความปลอดภัยทางอาหาร
ทั้งนี้ เพื่อให้โรงคัดบรรจุสามารถปฏิบัติได้ตามมาตรฐาน EL กรมวิชาการเกษตรได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการจำแนกแมลงศัตรูพืชกักกันที่พบในผักผลไม้สดส่งออกไปสหภาพยุโรป นอร์เวย์ และสมาพันธรัฐสวิส ให้แก่เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพของโรงคัดบรรจุเป็นประจำทุกปี เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ ความชำนาญในการจำแนกแมลงศัตรูพืชตั้งแต่การรับวัตถุดิบเข้ามาในโรงงาน เพื่อคัดกรองและกำจัดไม่ให้ศัตรูพืชติดไปกับสินค้าส่งออก รวมทั้งให้มีความรู้เกี่ยวกับสารเคมีที่สหภาพยุโรปไม่อนุญาตให้ใช้ หรือแม้แต่สารเคมีที่อนุญาตให้ใช้แต่ก็กำหนดค่าสารตกค้าง (MRLs) ไว้ด้วย ถ้าโรงงานคัดบรรจุทราบข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการถ่ายทอดสู่เกษตรกรเครือข่ายให้ปฏิบัติได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ป้องกันปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชที่จะติดไปกับสินค้าส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นับตั้งแต่ปี 2554 ที่เริ่มดำเนินการมาตรการ EL ผลปรากฏว่าการตรวจพบปัญหาศัตรูพืชติดไปกับสินค้าส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติการตรวจพบศัตรูพืช ณ ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2554 จำนวน 4,523 ครั้ง ปี 2555 ตรวจพบจำนวน 450 ครั้ง ขณะที่การแจ้งเตือนการตรวจพบศัตรูพืชจากสหภาพยุโรป ปี 2553 แจ้งเตือนจำนวน 602 ครั้ง ปี 2554 จำนวน 182 ครั้ง และปี 2555 จำนวน 106 ครั้ง สถิติการตรวจพบศัตรูพืชที่ลดลงอย่างชัดเจนนี้เอง ส่งผลให้มาตรการ EL ของประเทศไทยได้รับการยอมรับจากสหภาพยุโรป ว่าเป็นระบบควบคุมตนเองเพื่อลดความเสี่ยง มีระบบตามสอบสินค้า การควบคุมกระบวนการผลิตครอบคลุมในเรื่องความปลอดภัยด้านสารเคมีตกค้าง การปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ รวมถึงการจัดการด้านศัตรูพืช นับเป็นระบบที่มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องและมีความเข้มแข็ง ส่งผลให้การส่งออกผักผลไม้สดใน 5 กลุ่มไปยังสหภาพยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ นอกจากนี้ ด้วยความเชื่อมั่นในระบบสหภาพยุโรปยังได้ลดระดับการกักกันสินค้าเพื่อสุ่มตรวจหาสารเคมีตกค้างในผักกลุ่มกะหล่ำ มะเขือและถั่วฝักยาวของไทยจากเดิมที่เคยถูกสุ่มตรวจที่ระดับร้อยละ 50 ขณะนี้พืชตระกูลกะหล่ำได้ถูกถอนจากมาตรการกักกันแล้ว ส่วนถั่วฝักยาวลดลงเหลือแค่ร้อยละ 10 ส่วนมะเขือก็ลดลงเช่นกัน
นางสาวปรียานุช กล่าวย้ำว่า มาตรการ EL ก่อให้เกิดประโยชน์กับการส่งออกผักผลไม้ของไทย เนื่องจากระบบนี้เปรียบเสมือนเป็นตัวรับประกันทำให้สหภาพยุโรปเกิดความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยและผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุมีความตั้งใจจริงในการที่จัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าทุกขั้นตอน ซึ่งขณะนี้มีโรงคัดบรรจุที่ขึ้นทะเบียน EL จำนวน 28 โรง จากทั้งหมดที่มีประมาณ 80 โรง
สำหรับโรงคัดบรรจุที่ต้องการขอขึ้นทะเบียนตามมาตรการควบคุมพิเศษ EL กับกรมวิชาการเกษตร สามารถติดต่อได้ที่กลุ่มพัฒนาระบบความปลอดภัยสินค้าพืช โทร.0-2940-6340
ปรียานุช ทิพยะวัฒน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี