ขณะที่ตลาดข้าวโพดหวานทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มที่ต้องการเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีมูลค่าส่งออกปีละ 5,000 ล้านบาท แต่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวานของไทยกลับประสบปัญหาสารพัด ทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เมล็ดพันธุ์ราคาแพง ล่าสุดกรมวิชาการเกษตรได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ใหม่ “พันธุ์ชัยนาท 86-1” ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี มีคุณสมบัติเด่นคือปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั่วไทยทั้งเขตน้ำฝน และเขตชลประทาน และยังให้ผลผลิตสูงด้วย
นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ข้าวโพดหวานสามารถปลูกได้ตลอดปี แต่นิยมปลูกกันมากในช่วงฤดูฝน และสามารถปลูกได้ดีในดินทุกสภาพ แต่จะขึ้นได้ดีในสภาพดินร่วนปนทราย จะทำให้ผลผลิตดีและเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่า ความเป็นกรด-ด่าง ของดินที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 6.0-6.5 ข้าวโพดหวานต้องการแสงแดด เต็มที่ตลอดวัน อุณหภูมิที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดหวาน เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงที่สุดจะอยู่ในช่วง 24-30 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิกลางคืน อยู่ในช่วง 15-18 องศาเซลเซียส จะทำให้ข้าวโพดหวานมีคุณภาพดีและมีความหวานสูง
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวานนี้กรมวิชาการเกษตรได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท เป็นผู้ดำเนินการจนประสบผลสำเร็จได้ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ไม่ 1 สายพันธุ์ คือ “พันธุ์ชัยนาท 86-1” ซึ่งเดิมชื่อ ซีเอ็นเอสเอช 7550 (CNSH 7550) เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์แท้เบอร์ 75 กับสายพันธุ์แท้เบอร์ 50 โดยมีการปลูกคัดเลือกสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548-2551 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท จากนั้นได้มีการปลูกทดสอบการให้ผลผลิตในแปลงเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้น ทำการเปรียบเทียบพันธุ์มาตรฐานพันธุ์ข้าวโพดหวาน พร้อมเปรียบเทียบพันธุ์ในท้องถิ่นและเปรียบเทียบพันธุ์ในไร่เกษตรกรที่ จ.ชัยนาท ลพบุรี และสงขลาในช่วงปี 2551-2553 จนได้พันธุ์ที่นิ่ง สามารถส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกได้
ลักษณะของข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 86-1 มีความสูงของต้นประมาณ 220 เซนติเมตร อายุวันออกดอก 50 วันหลังจากปลูก และอายุวันออกไหม 52 วันหลังจากปลูก ความสูงฝักอยู่ที่ 120 เซนติเมตร ฝักมีรูปทรงกระบอกขนาดใหญ่ ราว 5x18 เซนติเมตร มีจำนวนแถวของเมล็ด 16-18 แถว โดยมีลักษณะเด่น คือ ให้ผลผลิตสูง ออกฝักสดทั้งเปลือกเฉลี่ยไร่ละ 2,888 กิโลกรัม และผลผลิตฝักสดปอกเปลือกอยู่ที่ไร่ละ 1,939 กิโลกรัม ขณะที่พันธุ์ไฮบริกซ์ 3 ที่เกษตรกรนิยมปลูกช่วงที่ผ่านมาให้ผลผลิตฝักสดทั้งเปลือกอยู่ที่ไร่ละ 2,589 กิโลกรัม และผลผลิตฝักสดปอกเปลือก ไร่ละ 1,898 กิโลกรัม
นอกจากนั้นข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 86-1 ยังมีอัตราแลกเนื้อหรือสัดส่วนของน้ำหนักเมล็ดทั้งฝักต่อน้ำหนักฝักทั้งเปลือก 40% ส่วนพันธุ์ไฮบริกซ์ 3 มีอัตราแลกเนื้อ 31% อีกทั้งยังมีรสชาติหวาน ให้ความหวาน 13.8 องศาบริกซ์ ไม่แตกต่างจากพันธุ์ไฮบริกซ์ 3 ที่ให้ความหวาน 14.3 องศาบริกซ์ ให้โปรตีนสูงถึง 3.69% และไขมัน 2.68% ที่สำคัญยังสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีด้วย สามารถปลูกได้ทั่วไปทั้งเขตน้ำฝนและในพื้นที่ชลประทาน ทั้งก่อนฤดูทำนาและหลังฤดูทำนาด้วย
ทั้งนี้ การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานเป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของข้าวโพด ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดหวานเพื่อส่งโรงงานหรือจำหน่ายฝักสด ควรเลือกเก็บเกี่ยวในระยะที่มีน้ำตาลสูงที่สุด และคุณภาพดีที่สุด หรือระยะที่เรียกว่า ระยะน้ำนม (Milk Stage) หากเลยระยะนี้ไปแล้วปริมาณน้ำตาลจะลดลงและมีแป้งเพิ่มขึ้น การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานมีหลักพิจารณาง่ายๆ คือ นับอายุ หลังจากวันหยอดเมล็ด วิธีการนี้ต้องทราบอายุของข้าวโพดหวานแต่ละพันธุ์ว่าเป็นพันธุ์หนัก, เบา หรือปานกลาง เช่น พันธุ์เบา อายุ 55-65 วัน พันธุ์ปานกลาง 70-85 วัน และพันธุ์หนักตั้งแต่ 90 วันขึ้นไป เก็บสุ่มตัวอย่างในแปลงมาตรวจดู วิธีนี้แน่นอน และนิยมกระทำกันมากที่สุด การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวาน ควรเก็บเกี่ยวในเวลา เช้าตรู่และรีบส่งตลาดทันที ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 24 ชั่วโมง เพราะจะทำให้น้ำตาลลดลง
“ล่าสุดคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ได้พิจารณาประกาศให้ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 86-1 เป็นพันธุ์รับรองแล้ว โดยกรมวิชาการเกษตรได้มอบหมายศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาทเร่งผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสมชัยนาท 86-1 เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรที่จะใช้พันธุ์ไปปลูกเพื่อสร้างรายได้ เบื้องต้นคาดว่า จะสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ไม่น้อยกว่า 2 ตัน และจะช่วยเพิ่มช่องทางการซื้อเมล็ดพันธุ์ราคาถูกให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้เกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี