ชาวบ้านหนองหว้าเกือบทั้งหมู่บ้านร่วมใจกันหันมาปลูกข้าวโพด พืชที่ใช้น้ำน้อย ได้ผลผลิตเร็ว โดยตั้งเพิงต้มและขายสดกันริมถนน สร้างรายได้เสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ลดการเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ช่วงหน้าแล้ง มีรายได้งามวันละกว่า 1 พันบาทต่อราย
ทั้งนี้ ชาวบ้านหนองหว้า ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้าน มีอาชีพหลักคือการทำนาปลูกข้าว แต่พอหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวก็ว่างงาน ไม่มีอาชีพอื่นใดทำ ในอดีตต้องอพยพไปหางานเสริมในต่างถิ่นเหมือนชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ แต่ปัจจุบันชาวบ้านกว่า 30 ครัวเรือน พบทางเลือกทำอาชีพเสริมใหม่ด้วยการใช้พื้นที่ซึ่งเคยใช้ทำนามาปลูกข้าวโพดหลังเก็บเกี่ยวข้าวหมดสิ้นแล้ว
โดยเห็นว่าข้าวโพดเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะภัยแล้ง และได้ผลผลิตเร็ว ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากผลผลิตที่ได้ไม่ต้องขายผ่านพ่อค้าคนกลางที่คอยกดราคา เพราะชาวบ้านปลูกเองและขายเองด้วยการปลูกเพิงข้างถนนสายบุรีรัมย์-คูเมือง- พุทไธสง ที่แต่ละวันจะมีรถสัญจรไปมาไม่ขาดสาย เพราะเป็นถนนสายหลักที่ผ่านหมู่บ้าน
การจำหน่ายข้าวโพดของชาวบ้านจะมีทั้งข้าวโพดที่ต้มสุกแล้วพร้อมบริโภคได้ทันที หรือผู้ใดต้องการฝักสดก็ได้ และจะขายทั้งปลีกและส่ง ซึ่งประชาชนที่ขับรถสัญจรผ่านไปมาก็ให้ความสนใจแวะซื้อบริโภคหรือเป็นของฝากญาติมิตรจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านหนองหว้ามีรายได้แต่ละรายไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อวัน ถ้าหากเป็นช่วงวันหยุด หรือเทศกาลก็จะขายได้เฉลี่ยวันละ 2,000 - 3,000 บาท ทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะมีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัวอย่างไม่ขัดสน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างรายได้เสริมให้อย่างดีแล้ว ก็ยังสามารถลดปัญหาการเคลื่อนย้ายไปขายแรงงานในต่างถิ่นอย่างเช่นทุกปีได้อีกด้วย
นางนวย มาลาศรี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 10 บ.หนองหว้า ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า แต่ละปีจะปลูกข้าวโพดมาวางขายริมถนนได้ 2 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 4 เดือน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เดือนละประมาณ 30,000 - 40,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่าดี ไม่ต้องไปหางานทำที่อื่นเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา
นับว่าชาวบ้านหนองหว้า เป็นหมู่บ้านตัวอย่างที่ที่ดิ้นรนหาทางเลือกในการประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวแบบอาศัยแต่ละช่วงของธรรมชาติเป็นตัวช่วย เพราะแม้จะเป็นหน้าแล้งที่น้ำในพื้นที่มีน้อยก็สามารถใช้อาชีพทางการเกษตรช่วยให้อยู่รอด มีรายได้พอเพียงที่จะไม่ต้องทิ้งครอบครัวไปหารายได้ในพื้นที่อื่น ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ น่าใช้เป็นแบบอย่าง เอาแต่ละช่วงของวิกฤติที่เกิดตามธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่นมาเป็นพลิกเป็นโอกาสบ้าง
ขวัญชัย หาญประโคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี