31 พฤษภาคม ของทุกปีคือวันงดสูบบุหรี่โลก มีผลวิจัยทั้งทางการแพทย์ ทางวิทยาศาสตร์ ได้พิสูจน์ให้ทราบถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ ทั้งต่อตัวผู้สูบและคนรอบข้างว่า บุหรี่มีอันตรายอย่างร้ายแรงต่อผู้สูบ และคนรอบข้าง และบุหรี่ยังเป็นภัยคุกคามต่อประชากรทุกมุมโลก อย่างชวนให้น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง
จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า คนไทยที่ติดบุหรี่กว่าครึ่งเริ่มสูบก่อนอายุ 19 ปี เมื่อมีการเริ่มสูบและติดแล้ว มีเพียงร้อยละ 27 เท่านั้น ที่สามารถเลิกได้ ส่วนอีกร้อยละ 73 จะติดไปตลอดชีวิต สถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนว่า การทำงานเพื่อลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงนั้น ไม่สามารถหยุดการระบาดของจำนวนผู้สูบบุหรี่ได้เลย ทั้งนี้เนื่องมาจากกลยุทธ์ทางการตลาดต่างๆ มากมายของบริษัทบุหรี่ที่หาวิธี และรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดให้มีนักสูบหน้าใหม่เข้ามาเป็นเหยื่ออยู่อย่างต่อเนื่องนั่นเอง
สถานการณ์การบริโภคยาสูบของประชากรไทยในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้สูบบุหรี่เริ่มลดลงจาก 12.2 ล้านคนในปี 2534 เป็น 10.9 ล้านคน ในปี 2558 ด้วยการรณรงค์ ชี้แนะ ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ทำงานเรื่องนี้อย่างเข้มข้นมาตลอดเวลากว่า 14 ปีที่ผ่านมา โดยมีแผนควบคุมยาสูบ ทำงานทั้งผลักดันด้านนโยบายสาธารณะ สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย พัฒนางานวิชาการ และรณรงค์สังคมให้ตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลด ละ เลิกบุหรี่ในที่สุด
ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายให้ทราบว่า การขับเคลื่อนด้านการควบคุมยาสูบ อาศัยพลังสามประสาน ทั้งพลังด้านปัญญา สังคม และนโยบาย เพื่อให้เกิดการลดการสูบบุหรี่ในประชากรทุกกลุ่ม สถานการณ์การสูบบุหรี่ของไทยพบว่า ยังคงมีการสูบบุหรี่ทั้งกลุ่มคนในเมือง และกลุ่มคนในชนบท โดยทั้งสองกลุ่มมีลักษณะพฤติกรรมที่แตกต่างกัน จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ในการดำเนินงานควบคุมยาสูบที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม การทำงานจึงต้องแบ่งเป็น 1.ด้านนโยบายสาธารณะและบังคับใช้กฎหมาย 2.ด้านวิชาการและระบบข้อมูลข่าวสาร 3.ด้านเครือข่ายการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ การขยายสถานที่ปลอดบุหรี่ และ 4.ด้านบริการเลิกบุหรี่ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีจุดเน้นในการขับเคลื่อนต่างกัน เช่น การพัฒนากฎหมายให้เข้มแข็งทั้งการห้ามโฆษณา ห้ามทำการตลาดทุกสื่อ เพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ การขึ้นภาษีทั้งบุหรี่ซิกาแรตและยาเส้นเพื่อลดอัตราการสูบบุหรี่ของผู้สูบทั้งที่อยู่ในเขตเมืองและชนบท การเข้าไปเชิญชวนให้ผู้นำชุมชน กลุ่ม อสม.หรือพระสงฆ์เพื่อเป็นผู้นำและต้นแบบในการเลิกสูบบุหรี่
จากผลงานของ สสส.และภาคีเครือข่าย ที่ได้ร่วมกันผลักดันงานด้านการควบคุมยาสูบทั้ง 4 กลุ่มแผนงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม หลายอย่าง อาทิ การประกาศพิมพ์หมายเลข 1600 บนซองบุหรี่ การเพิ่มขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ให้มีขนาดไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ของด้านที่มีพื้นที่มากที่สุดบนซอง การพัฒนาองค์ความรู้และงานวิจัยที่จำเป็นในด้านการควบคุมยาสูบ การจัดตั้งศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติและคลินิกฟ้าใส สำหรับให้บริการเลิกบุหรี่แก่ผู้ติดบุหรี่ที่ต้องการเลิกบุหรี่ การขยายสถานที่ปลอดบุหรี่ไปยังสถานที่สาธารณะต่างๆ อาทิ ผับ บาร์ โรงพยาบาล ศาสนสถาน สวนสาธารณะ ยานพาหนะ สถานีขนส่งสาธารณะ เป็นต้น
แต่ถึงแม้ว่า สสส. จะเดินหน้าประสานภาคส่วนต่างๆ ทั้งระดับนโยบาย กฎหมาย นักวิชาการ ชุมชน แต่การทำงานด้านควบคุมการบริโภคยาสูบนั้น ยังจำเป็นต้องมีการปรับมาตรการให้มีความทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ เช่น มาตรการด้านภาษี ที่ต้องมีการปรับให้มีการขึ้นภาษีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขึ้นภาษียาเส้น เนื่องจากในปัจจุบันพบว่า ผู้สูบยาเส้นคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด เป็นต้น
สถานการณ์การบริโภคยาสูบของไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าตัวเลขอัตราการสูบบุหรี่จะลดลงแต่ในเชิงสถิติถือว่าคงตัว แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นต้องมีเครื่องมือตัวใหม่ในการทำงาน เช่น ร่างพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. ... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หากกฎหมายผ่านก็จะช่วยให้สถานการณ์การสูบบุหรี่ดีขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น
ดร.นพ.บัณฑิต กล่าวปิดท้าย ว่า สสส. ได้พยายามขยายการทำงานให้เหมาะกับบริบทของกลุ่มผู้สูบ แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรในหลากหลายภาค เพราะ สสส. เปรียบเสมือนเป็นเพียงน้ำมันหล่อลื่น ที่ต้องแสวงหาพันธมิตรที่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงมาร่วมทำงานขับเคลื่อนเพื่อสร้างสังคมสุขภาวะ สังคมปลอดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพเพื่อสร้างพลังให้แข็งแกร่งและขับเคลื่อนงานไปได้ไกลและมั่นคง ซึ่งการทำงานบุหรี่นั้น จำเป็นต้องได้รับการระดมพลังจากทุกภาพส่วนมาช่วยอย่างเข้มข้นและจริงจังมากขึ้น ทุกวันนี้ การทำงานของ สสส. ไม่ได้แค่มีกิจกรรมรณรงค์เท่านั้น แต่จะมีการสร้างสรรค์กิจกรรมที่จะทำต่อเนื่องตลอดทั้งปี ให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการทำงานของเราได้ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ปี ไม่ว่าจะต้องพบกับกลยุทธ์ของผู้ค้าบุหรี่อย่างไร เราต้องทำให้สังคมไทยไร้ควันบุหรี่ให้ได้
และเมื่อวันนั้นมาถึง สังคมไทยจะเป็นสังคมไร้ควัน (พิษ) ที่คนไทยทั้งประเทศจะมีความสุขอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี