“ปานมณี” ได้เห็นรูปที่นำมาลงให้ดูกันในวันนี้ ทำให้ย้อนกลับนึกถึง เช้าตรู่ของวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
วันนั้นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้ร่วมกับสมาพันธ์ชมรมเดิน วิ่งเพื่อสุขภาพไทยและมูลนิธิสมาพันธ์ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพไทย จัดกิจกรรมเดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ประจำปี 2559 ซึ่งเป็นการจัดขึ้นทั่วประเทศเป็นประจำทุกปีเนื่องในวันวิสาขบูชา ปีนี้เป็นครั้งที่ 15 สถานที่เปิดงานวิ่งอย่างเป็นทางการ คือที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยที่ผู้เข้าร่วมวิ่งทุกคนที่เข้าสู่เส้นชัยจะได้ของที่ระลึกคือ ถุงบรรจุข้าวสาร 250 กรัม แทนเหรียญรางวัล เป็นข้าวสารสายพันธุ์พื้นเมืองจากทุ่งนครชัยศรี ที่ผลิตขึ้นโดยกลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์ โดยมีนักวิ่งทั้งหมดเกือบสามพันคน
จากกิจกรรมวันนี้ ทำให้ “ปานมณี” ได้รู้จักคำว่า“วิ่งสมาธิ” ขึ้นเป็นครั้งแรก
คุณกันต์ ปั้นภู ผู้ริเริ่มการวิ่งสมาธิเล่า ว่า เมื่อ 6 ปีที่แล้วตัวเองเป็นคนมีน้ำหนักตัวมากกว่า 80 กก.และค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อนจึงคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มต้นวิ่งและปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน โดยได้เรียนรู้ว่าในหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนากล่าวไว้ ว่า เราสามารถกำหนดสติได้ทุกอิริยาบถ ทั้งการนั่ง นอน(คือการรู้สึกตัวตลอด) เวลาวิ่งก็เช่นกันเมื่อเท้าก้าวลงพื้น เหมือนกับการเดินจงกรม กำหนดลมหายใจไปอยู่ตรงนั้น ไม่ต่างกับการนั่งสมาธิ เมื่อวิ่งเหนื่อย หิวน้ำก็พิจารณาให้รู้ว่าเหนื่อย หิว เป็นเวทนานุปัสสนา ซึ่งการวิ่งไปทำสมาธิไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนทั้งร่างกายและจิตใจจากบุรุษผู้แบกน้ำหนักกว่า 80 กิโลกรัมวันนี้เหลือน้ำหนักมาอยู่ 60 กก. โดยใช้เวลาในการวิ่งเฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 10 กม.
คุณกันต์ ย้ำส่งท้ายว่า “การวิ่งสมาธิทำให้ผมได้กลับมาพิจารณาตัวเอง ได้ฝึกให้เห็นตัวเองแบบชัดๆ หลายครั้งทำให้เกิดความชัดเจนกับตนเองมากขึ้น และยิ่งทำมากเท่าไร ก็สามารถชัดเจนกับผู้อื่นได้มากเท่านั้น ยิ่งละเอียดอ่อนกับตนเองได้มากเท่าไร ก็สามารถละเอียดอ่อนกับผู้อื่นได้มากเท่านั้น”
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประธานเปิดงานในการ วิ่งสมาธิในวันนั้น กล่าวเปิดงานว่า เราทุกคนมีความเชื่อว่า การวิ่งจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง การวิ่งจะเกิดวิริยะเพราะระหว่างวิ่งเรามีความพยายามอย่างยิ่งยวด ขณะที่เราวิ่งเราก็มีสติกำกับที่กายและมีสมาธิ คือมีใจจดจ่อไปกับการวิ่งท้ายที่สุดจะเกิดปัญญา มีความเข้าใจในกิจกรรมที่ทำ ถ้าเราสามารถทำสิ่งใดๆ ด้วยหลักธรรมโดยมีศีลเป็นพื้นฐาน กิจกรรมนั้นๆ นอกเหนือการวิ่งจะมีความสำเร็จอย่างงดงามในด้านของจิตใจด้วย
ดร.สุปรีดา ยังกล่าวขยายความให้ฟังต่อไปด้วยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ประจำปี 2558 พบว่า ร้อยละ 99.5 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้มีสุขภาพกายและจิตที่ดี ร้อยละ 97.5 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้ตนเองเกิดความตั้งใจในการมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 91.9 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้เกิดความตั้งใจในการลดละเลิกอบายมุข ร้อยละ 90.6 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้เกิดความตั้งใจในการมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันเพื่อเป็นการปฏิบัติบูชา และผู้เข้าร่วมโครงการร้อยละ 89.6 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้ตนเองสามารถนำการปฏิบัติสมาธิมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้
จึงนับเข้าเป็นกิจกรรมที่ดี มีคุณประโยชน์อีกกิจกรรมหนึ่งจากการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ควรบันทึกไว้
สุดท้าย คุณพจน์ เพิ่มพรพิพัฒน์ ประธานสมาพันธ์ชมรมเดิน วิ่งเพื่อสุขภาพไทย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจร่วมใจถวายเป็นพุทธบูชา วิ่งด้วยสมาธิสติสัมปชัญญะ โดยผู้ร่วมกิจกรรมเดินวิ่ง ทั้งระยะ 3.5 และ10 กิโลเมตร จะวิ่งผ่าน 4 สังเวชนียสถานจำลอง ระลึกถึงคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเป็นกิจกรรมที่รณรงค์ให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยมีกิจกรรมทางกาย ออกกำลังและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่เน้นการแข่งขัน บูรณาการเข้ากับการฝึกสมาธิขณะเดิน หรือ วิ่ง รวมถึงการทำบุญ รับศีล ฟังธรรม และเวียนเทียน โดยในแต่ละปีมีผู้สนใจมาร่วมเดินวิ่งสมาธิจากทั่วทุกภูมิภาครวมหลายหมื่นคน ทำให้เห็นว่านอกจากการวิ่งเพื่อสุขภายกายที่ดีแล้ว นักวิ่งยังให้ความสนใจในการฝึกฝนจิตใจไปพร้อมๆ กัน ยิ่งส่งผลดีทำให้การวิ่งให้ร่างกายและจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
ใครอยากเข้าร่วมกิจกรรม การวิ่งสมาธิ คงต้องรอให้ถึงวันวิสาขบูชาปีหน้า แต่ถ้าต้องการนำเอาผลสำเร็จจากการวิ่งสมาธิในปีนี้มาใช้กับตัวเอง ก็สามารถทำได้ทุกวันด้วยตนเอง ในทุกๆสถานที่ ที่เราอยากจะทำ
ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี