สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เครือข่ายหมออนามัย และชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งประเทศไทย จัดงานประชุมเชิงปฏิบัติการและปฏิญาณตน “อสม.-อสส. ชวนเลิกบุหรี่ ทำดีถวายพ่อ” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินงานชวนคนเลิกบุหรี่ทั่วประเทศ โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) เป็นแกนนำหลักในการขับเคลื่อนสู่ชุมชน ภายใต้โครงการ “3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน”
โครงการนี้ได้เริ่มขับเคลื่อนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 ถือได้ว่าเป็นการร่วมถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องจากความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยจนเกิดเป็นพระราชดำรัสเรื่องบุหรี่ เมื่อ 4 ธันวาคม 2547 ใจความว่า “การสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้สมองทึบ ไม่กระฉับกระเฉง การห้ามขายบุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่จริงเด็กอายุ 50 ปี ก็ควรจะห้าม” อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นต้นแบบที่ดีในการเลิกสูบบุหรี่เพื่อประชาชนอีกด้วย
ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุน สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก (สำนัก 1) กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการว่า โครงการ 3 ล้าน 3 ปีฯ เป็น 1 ใน 16 นโยบายแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ในการปฏิรูปด้านสาธารณสุข ระยะ 18 เดือน ที่ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อป้องกันและส่งเสริมคนไทยมีสุขภาพดีทุกกลุ่มวัย ซึ่ง สธ. ได้กำหนดแผนชาติเรื่องบุหรี่โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2562 ต้องลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ให้เหลือ 16.7% จากจำนวนผู้สูบในปี 2558 ที่มีจำนวนถึง 19.9% เท่ากับว่าต้องลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ถึง 1.8 ล้านคน ภายในระยะเวลาอีก 2 ปี เพราะในแต่ละปีประเทศต้องสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์จากการสูบบุหรี่เกือบ 75,000 ล้านบาท
ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ แสดงความคิดเห็นว่า สมาพันธ์ฯ ร่วมกับ สสส. สธ. และภาคีเครือข่ายพยายามขับเคลื่อนงานตามพระราชดำรัสของพระองค์ ซึ่งโครงการ 3 ล้าน 3 ปีฯ เป็นการทำงานเชิงรุกที่มีเจ้าหน้าที่ อสม. และ อสส. เป็นแกนนำลงพื้นที่อย่างเข้มแข็ง แกนนำเหล่านี้เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับคนในพื้นที่และรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดี ในการทำงานเช่นนี้ต้องใช้ความอดทน ความพยายามเป็นอย่างมาก เนื่องจากในการเชิญชวนครั้งแรกประชาชนอาจยังไม่สนใจ แต่ขอเพียงอย่าท้อแท้และอยากให้ยึดมั่นในการดำเนินงานตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านที่ต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพดี ซึ่งก้าวต่อไปทางสมาพันธ์ฯ จะรุดทำงานเชิงรุกในระดับจังหวัด ผ่านกลไกการทำงานของคลินิกฟ้าใส 392 แห่งที่อยู่ใกล้โรงเรียน ร่วมติดตามนักเรียนที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ร่วมโครงการ รวมถึงให้ความรู้เรื่องพิษภัยบุหรี่
นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. เผยว่า มีการคาดการณ์ว่าในเขตกรุงเทพมหานคร มีจำนวนคนสูบบุหรี่ประมาณ 1 ล้านคน คิดเป็น 10% จากจำนวนประชากรที่อาศัยทั้งหมด 12 ล้านคน จึงมีความมุ่งหวังให้ อสส. 1 คน เชิญชวนคนให้เลิกสูบบุหรี่ได้จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน โดยในปีที่ผ่านมาได้จัดอบรมแกนนำ อสส. ไปบางส่วนและในปีหน้าจะจัดอบรมแกนนำ 1,200 คน ใน 50 เขต ซึ่งจากการเปิดตัวการขับเคลื่อนงานไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมแล้วกว่า 1,200 ราย และกำลังเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ นอกจากนี้แผนต่อไปยังเชิญชวนให้อาสาเฝ้าระวังภัยยาเสพติดร่วมเป็นภาคีเครือข่าย ในการเฝ้าระวังและปกป้องความเสี่ยงของเด็กนักเรียนและเยาวชนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดแรกที่จะนำไปสู่สารเสพติดชนิดอื่นๆ
นางกัญทิมา บุญมาก อสส. 039 ตัวแทนแกนนำ อสส. เขตราษฎร์บูรณะ กทม. ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า ในเขตมีจำนวนนักสูบกว่า 300 คน จากประชากร 150 หลังคาเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมสูบมานาน ส่วนในกลุ่มเด็กเยาวชนส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมอยากรู้อยากลอง ในการเชิญชวนและให้กำลังใจต้องสร้างความตระหนักรู้ที่ต่างกัน อย่างผู้สูงวัยจะใช้วิธีการให้ข้อมูลโรคที่เกิดจากบุหรี่ในการโน้มน้าว แต่หากเป็นเด็กจะแนะนำให้เก็บเงินไว้ชื้อของที่อยากได้และจำเป็น พยายามชี้ให้เห็นว่าการสูบบุหรี่เปรียบเสมือนการนำเงินมาเผาเล่น อีกทั้งยังใช้กลยุทธ์ในการเชิญชวนคนให้เลิกสูบ เพราะจะประหยัดเงิน สุขภาพดี และไม่มีกลิ่นเหม็น ลูก ครอบครัวและสังคมไม่รังเกียจ รวมถึงสร้างกิจกรรมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอย่างการออกกำลังกายในผู้สูงอายุไปพร้อมๆ กันด้วย
สุดท้าย “ปานมณี” ขอนำ ข้อความของผู้ป่วยด้วยโรคกล่องเสียง ที่เขียนไว้ ณ หอผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราชมาถ่ายทอดให้ทราบ โดยมีใจความว่า “ไม่อยากให้สูบบุหรี่ สูบแล้วเป็นโรคต้องรักษาทรมาน ต้องนอนรักษาตัวโดยมีญาติพี่น้องคอยดูแล…เลิกเถอะครับ”
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี