สืบเนื่องจากผลงานที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อออกแบบการรณรงค์และขับเคลื่อนกิจกรรม “เลิกสูบ ก็เจอสุข 5 วิถีปลอดบุหรี่โดยชุมชนท้องถิ่น” ทำให้เกิด 1.การเพิ่มและสร้างบุคคลต้นแบบที่น่าเป็นแบบอย่าง 2.เพิ่มพื้นที่ปลอดบุหรี่ 3.สร้างคลินิกเลิกบุหรี่ 4.เพิ่มกติกาทางสังคม 5.บังคับใช้กฎหมายซึ่งถือว่าเป็น “กลยุทธ์การรณรงค์การควบคุมการบริโภคยาสูบ”
ทำให้เกิดภาพรวมของประเทศ เกี่ยวกับอัตราการสูบบุหรี่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดและลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนการทำงานในระดับพื้นที่ชุมชนที่ประสบผลสำเร็จ ผ่านกลยุทธ์การรณรงค์ “เลิกสูบ ก็เจอสุข” ทำให้เกิดพื้นที่เครือข่ายและพัฒนากลไกการรณรงค์ในระดับพื้นที่ เพิ่มมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสังคมปลอดบุหรี่
คุณพนมพร พรมพ่อ ประธานสภาเด็กและเยาวชนตำบลนาเลียง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม หนึ่งในบุคคลต้นแบบการขับเคลื่อนการควบคุมการบริโภคยาสูบดีเด่น ประจำปี 2560 เล่าถึง การสร้างบุคคลต้นแบบ และจิตอาสาในการรณรงค์เลิกสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง ที่จัดว่า เป็น วิถีที่ 1 บอกว่า เราให้เด็กและเยาวชนเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนให้ได้มีส่วนในการแก้ไขปัญหาในเรื่องการบริโภคยาสูบ สร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้นจากขบวนการทำงาน มีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจถึงสาเหตุหลักที่เยาวชนเลือกสูบบุหรี่ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการอยากรู้และอยากลอง และมีมุมมองว่าถ้าสูบบุหรี่แล้วจะเท่ เมื่อรู้ถึงต้นเหตุ เราจึงจับกลุ่มคนที่มีทัศนคติเหล่านี้เข้ามาเป็นแกนนำร่วมกับสภาเด็กและเยาวชน เพื่อจัดกิจกรรมการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ โดยมีองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำในเรื่องการเก็บข้อมูล แล้ววางแผนจัดกิจกรรมให้เหมาะสม เช่น ดนตรี กีฬา รวมถึงสอดแทรกความรู้เรื่องโทษของบุหรี่ สุขภาพที่ดีของการเลิกบุหรี่
คุณวงวรรณ เทพอาจ จากเทศบาลตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน อธิบายเกี่ยวกับการทำงานในการบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบในพื้นที่ของตน ที่ถือว่า เป็น วิถีที่ 2 เล่าว่า ต้องมีการผลักดันเข้าสู่ชุมชนอย่างจริงจังจึงจะเกิดผลดี โดยตามกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 ได้มีการประกาศให้เขตพื้นที่จะต้องติดป้ายสัญลักษณ์พื้นที่ปลอดบุหรี่ หากไม่มี โดนโทษปรับ 50,000 บาท ตามข้อกฎหมาย รวมถึง ครม.ได้มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ ซึ่งมีการกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบ จากเดิอายุ 18 ปี เป็นอายุ 20 ปี และห้ามแบ่งขายผลิตภัณฑ์ยาสูบแยกเป็นมวน รวมถึงห้ามขายในสถานที่ต่างๆ เช่น วัด สถานบริการ สาธารณสุข สถานศึกษา สวนสาธารณะ และเพิ่มโทษการสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ จากปรับไม่เกินสองพันบาท เป็นมีโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท และมีข้อกฎหมายอีกหลายข้อที่เปลี่ยนแปลงและเข้มข้นขึ้น จึงเกิดกระบวนการผลักดันมาตรการต่างๆ เข้าสู่ชุมชน นำสู่การปฏิบัติจริง เพื่อทำให้ข้อกฎหมายยาสูบมีความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งเทศบาลตำบลปัวได้สร้างมาตรการ ภายใต้ชื่อ งานสีดำปลอดบุหรี่ ผลักดันเข้าสู่ 13 ชุมชนในเขตพื้นที่ พร้อมประกาศใช้ผ่านกลุ่มแกนนำชุมชน โดยทุกครั้งที่มีงานสีดำ เช่น งานศพ จะต้องมีการติดป้ายงานสีดำปลอดบุหรี่ เป็นการให้เกียรติแก่ผู้วายชนม์ ภายในงานต้องงดสูบบุหรี่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นการเพิ่มพื้นที่ปลอดบุหรี่กระตุ้นเตือนสร้างจิตสำนึกของผู้สูบและผู้ไม่สูบในพื้นที่สาธารณะปลอดบุหรี่ ตามที่ข้อกฎหมายกำหนดไว้ โดยผู้นำชุมชนจะเป็นผู้โน้มน้าวพูดคุยกับคนในชุมชนปฏิบัติตาม
คุณนัดรุดดีน เจะแน จากองค์การบริหารส่วนตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เล่าถึงการเพิ่มกติกาทางสังคม ที่จัดว่า เป็น วิถีที่ 3 บอกว่า การสร้างกติกาในพื้นที่เพื่อการเลิกบุหรี่ ต้องผ่านกระบวนการดังนี้ 1.ต้องเปิดให้พื้นที่ต้นแบบเป็นแหล่งเรียนรู้พื้นที่ปลอดบุหรี่ 2.กิจกรรมสาธารณะของชุมชนต้องปลอดบุหรี่ 3.มีการกำหนดเงื่อนไขการจัดสวัสดิการชุมชน สำหรับผู้ที่ ลด ละเลิกได้ ซึ่งที่โรงเรียนตาดีกา ได้ริเริ่มการดำเนินงานสุขภาวะตั้งแต่ พ.ศ 2556 มีการกำหนดกติกา ไม่รับครูที่สูบบุหรี่เข้ามาสอนเด็ดขาด และในเขตพื้นที่จะต้องไม่มีคำว่าฅพื้นที่สูบบุหรี่เด็ดขาด ทำให้พื้นที่โรงเรียนตาดีกาทั้ง 13 อำเภอ เป็นเขตปลอดบุหรี่ 100% เรียบร้อยแล้ว
วิถีที่ 4 การเพิ่มพื้นที่ปลอดบุหรี่ในชุมชนและการจัดให้พื้นที่ปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย ได้ครอบคลุมพื้นที่ 4 องค์กรหลักองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ที่ทำการกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน, ที่ทำการสภาองค์กรชุมชน, หน่วยงานในพื้นที่ และพื้นที่สาธารณะ ได้แก่ ศาลาประชาคม และศาสนสถาน
สำหรับการดำเนินการ สร้างคลินิกเลิกบุหรี่ ที่ยกให้เป็น วิถีที่ 5 นั้นมีแนวทางในการทำงาน 5 ข้อ คือ 1.จัดตั้งศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาสูบในพื้นที่ 2.พัฒนาบริการของหน่วยสุขภาพในพื้นที่ 3.บริการบำบัดโดย ภูมิปัญญาพื้นบ้าน เช่น การนวดสมุนไพร/การกดจุดช่วยเลิก/สมุนไพรช่วยเลิก 4.สร้างช่องทางการเข้าถึง และส่งต่อผู้สูบบุหรี่ไปยังหน่วยบำบัดฟื้นฟู 5.พัฒนานวัตกรรมการบำบัดโดยใช้ภูมิปัญญา
การทำงานผ่านกิจกรรมโดยการปฏิบัติจริง จะทำให้เห็นผลชัดเจน ที่มีทั้งการวัดและประเมินผลได้อย่างถูกต้อง ทำให้ง่ายต่อการทำงานในเรื่อง ลด ละ เลิก บุหรี่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และสามารถขยายภาคีเครือข่ายให้มีความเข้มแข็ง มีกำลังเพียงพอต่อการรณรงค์การเลิกสูบบุหรี่ต่อไปอย่างมั่นคง
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี