ขณะนี้เป็นที่รับรู้กันว่า “ไซบูทรามีน” เป็นสารลดความอ้วนอันตราย เพราะส่งผลกระทบต่อหัวใจและความดันโลหิต แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ความเป็น “พิษ” ของไซบูทรามีน ยังมีมากกว่านั้น
ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงพิษของไซบูทรามีน ในงานแถลงข่าว “ไซบูทรามีน อันตราย สถานะทางกฎหมาย และการลักลอบนำเข้า” จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) ว่า ผู้ที่เจ็บป่วยจากผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก มีข้อมูลจากศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี 3 ปี คือ ปี 2558-2560 ที่มีการรายงานหรือสอบถามเข้ามา พบว่า มีผู้ป่วยทั้งหมด244 ราย ร้อยละ 80 เป็นผู้หญิง ร้อยละ 20 เป็นผู้ชาย ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 13-48 ปี ถึงร้อยละ 86 และ อายุน้อยกว่า 12 ปีร้อยละ 14 โดยค่ากลางของอายุผู้ป่วยจะอยู่ในช่วงวัย 20 ปี โดยอายุน้อยสุดที่พบคือ ขวบกว่าๆ ซึ่งตรงนี้เกิดจากพ่อแม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอันตราย แต่ไม่ทราบ แล้วไปวางไว้ตามจุดต่างๆ แล้วเด็กไม่รู้ว่าเป็นอะไรเกิดไปรับประทานเข้าจึงเกิดปัญหา ซึ่งจากจำนวนผู้ป่วย 244 ราย ได้มีการวิเคราะห์ถึงชนิดของผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ทั้งจากการที่ให้โรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยรายนั้นและโทร.ปรึกษา โดยการเก็บเลือดและปัสสาวะมาให้เราและตรวจหาว่าเป็นอะไร หรือหากได้รับตัวอย่างผลิตภัณฑ์มาก็จะเอามาตรวจหาสารอะไร ซึ่งจากการตรวจพบว่า เป็นสารไซบูทรามีนถึง 14% แอลคาร์นิทีน 4.5% ไม่ได้ตรวจพิสูจน์ 55.7% และอื่นๆ 25.8%”
ถ้าดูสูตรโครงสร้างสารไซบูทรามีน ทางเคมี จะเป็นอนุพันธุ์ของเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า ซึ่งคุณสมบัติคือกระตุ้นประสาท มีเรี่ยวแรง คึกคัก ทำให้เบื่ออาหาร และทำให้เกิดอาการหลอนประสาท โดยไซบูทรามีนนั้นมีการดัดแปลงพัฒนาบางส่วนทำให้มีฤทธิ์ออกไปในทางเบื่ออาหารมากกว่า ลดฤทธิ์การกระตุ้นประสาทและความหลอนลง แต่หากรับประทานแบบเกินขนาด ก็สามารถเกิดฤทธิ์กระตุ้นประสาทและหลอนประสาทแบบยาบ้าได้เช่นกัน
ผศ.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองผู้จัดการ กพย. กล่าวว่าที่น่าห่วงคือ จากจำนวนผู้ป่วยดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขที่มีการรายงานและสอบถามเข้ามาเท่านั้น แต่ยังมีผู้ป่วยอีกมากที่โรงพยาบาลอาจพบแล้ว แต่ไม่ได้สอบถาม เพราะดูอาจเป็นเคสหัวใจหรือจิตเวชทั่วไป ซึ่งถ้าไม่มีการสืบถามว่ามีการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้หรือไม่ ก็อาจทำให้ไม่ทราบเคส
ภก.ถนอมพงษ์ เสถียรลัคนา อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า ฤทธิ์ของสารไซบูทรามีน มักจะออกที่ระบบประสาทส่วนกลางคือเพิ่มสารสื่อประสาทเซโรโทนินนอร์อีพิเนฟริน และโดปามีน ซึ่งทั้งสามตัวนี้จะทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีช่วยต้านการซึมเศร้า และเมื่อออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัสก็จะทำให้ไม่อยากอาหาร ลดการกินลงไป และไซบูทรามีนยังกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญของร่างกายด้วย จึงนำมาใช้ในการลดน้ำหนักและคนชอบใช้ แต่ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักนั้นดีหรือไม่ ต้องชี้แจงว่า ยาลดน้ำหนักทุกตัวแนะนำว่าเป็นการรักษาเสริมในผู้ป่วยโรคอ้วนเท่านั้น แสดงว่าสุดท้ายการรักษาหลักต้องใช้เรื่องการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะมีข้อจำกัดในการใช้ยาอีกมาก ซึ่ง มีงานวิจัยถึงประสิทธิภาพของไซบูทรามีนในคนไข้โรคอ้วน 600 กว่าคน ที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม พบว่า จากการใช้ไซบูทรามีนต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน สามารถช่วยลดน้ำหนักลงมาได้จริงจาก 100 กิโลกรัม เหลือ 90 กิโลกรัม จากนั้นนำผู้ป่วยที่ผ่านช่วง 6 เดือนแล้วมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกหยุดไซบูทรามีนและกินยาหลอก พบว่า น้ำหนักกลับขึ้นมาเหมือนเดิม กับกลุ่มที่กินต่อจนครบ 2 ปี น้ำหนักก็ไม่ลดต่อคือได้แค่คงที่ ดังนั้น ประสิทธิภาพของไซบูทรามีนคือ ช่วยน้ำหนักลดลงช่วงแรก จากนั้นจะช่วยให้คงสภาพ แต่เมื่อหยุดก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิม ประสิทธิภาพจึงไม่ได้ดีมากสมคำเล่าลือดังนั้น ข้อห้ามใช้ของไซบูทรามีนจึงมาก ทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูงที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร การทำงานของตับหรือไตบกพร่องรุนแรง และเด็กวัยรุ่น
ศ.นพ.วินัย กล่าวอีกว่า สารไซบูทรามีนถูกแบนออกไปแล้วดังนั้น สิ่งที่มีอยู่คือผิดกฎหมาย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้คงไม่สามารถเขียนได้ว่ามีไซบูทรามีนอยู่ เพราะผิดกฎหมายไม่สามารถขายได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่พบเห็นจะมีตั้งแต่เขียนชัดๆ ว่า ยาลดความอ้วนกาแฟลดความอ้วน แคปซูลผงบุก หรือกลุ่มแมงลัก แต่เมื่อไปตรวจสอบจริงๆ แล้วกลับเจอไซบูทรามีน ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถซื้อได้ทางออนไลน์ทั่วไป
ไซบูทรามีน จึงเป็นสารอันตรายที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ยิ่งเป็นการลักลอบผสมและกินแบบไม่รู้ตัว ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นหลายเท่าทีเดียว จำไว้ จำไว้
โดยปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี