วันอาทิตย์ ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
สภาทนายฯออกแถลงการณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน'ปู'หล่นเก้าอี้

สภาทนายฯออกแถลงการณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน'ปู'หล่นเก้าอี้

วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557, 15.20 น.
Tag :
  •  

9 พ.ค.57สภาทนายความออกแถลงการณ์ กรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยโดยมติเอกฉันท์ ให้รักษาการนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีที่เหลือ กรณีหลายฝ่ายคลางแคลงใจกับข้อกฎหมาย ซึ่งสภาทนายความได้อธิบายข้อกฎหมายและการบังคับใช้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินให้กับประชาชนโดยทั่วไปได้ทราบ

แถลงการณ์ของสภาทนายความ
ฉบับที่ 9/2557
เรื่อง ปัญหาความชอบด้วยกฎหมายของรักษาการรองนายกรัฐมนตรี
ผู้จะทำหน้าที่แทนรักษาการนายกรัฐมนตรี และปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
ของรักษาการรัฐมนตรีชุดที่เหลือหลังมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

 


ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยโดยมติเอกฉันท์ (9 : 0) ให้รักษาการนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 นั้น  ยังมีข้อกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีที่เหลือ ซึ่งจะมีสถานการณ์ตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินที่จะทำได้แค่ไหนเพียงไรนั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจ เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในระบอบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยของประเทศไทย  สภาทนายความเห็นว่าข้อกฎหมายกับการทำความเข้าใจในการบังคับใช้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินนั้น จะเป็นประโยชน์ในการศึกษาและการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายให้กับประชาชนโดยทั่วไป จึงออกแถลงการณ์เพื่อประกอบการพิจารณาของทุกท่าน ดังต่อไปนี้

1.ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงก็คือในขณะนี้ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีรักษาการ คงมีแต่รักษาการรองนายกรัฐมนตรีกับรักษาการรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ 25 คน และตามที่ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบหมายให้รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยได้มีการมอบหมายกันในขณะที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น  การรับช่วงงานหลังจากมีคำวินิจฉัยแล้วจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ควรตรวจสอบให้ได้ความชัดเจนว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีและมอบหมายงานให้รักษาการรองนายกรัฐมนตรีได้ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีทันที

2.ตามความในมาตรา 11 (1) ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553 กำหนดไว้ชัดเจนว่า “นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเท่านั้นที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน และจะสั่งให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่ควบคุมราชการส่วนท้องถิ่น ชี้แจง แสดงความคิดเห็น ทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ ในกรณีจำเป็นจะยับยั้งการปฏิบัติราชการใด ๆ ที่ขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีก็ได้” แต่บทบัญญัติของ (1) ดังกล่าว ไม่ได้กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรักษาการรองนายกรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีตามที่มีมติแต่งตั้งกันไป มีฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาลหรือใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้  ดังนั้นในขณะนี้จึงไม่มีนายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้โดยชอบ

3.ตามความในมาตรา 11 (2) ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฉบับนี้ก็ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า รองนายกรัฐมนตรีจะกำกับการบริหารราชการของกระทรวงหรือทบวงหนึ่งหรือหลายกระทรวงหรือทบวงก็ได้ แต่ต้องเป็นการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล  ดังนั้นความในอนุ (2) ของมาตรา 11 นี้จึงเป็นการยืนยันข้อกฎหมายได้ชัดเจนว่ารองนายกรัฐมนตรีที่มาปฏิบัติจะมาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีดังที่เข้าใจกันนั้น ต้องได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี และไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินให้รักษาการรองนายกรัฐมนตรีมีฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาลได้ ทำให้กรณีของรักษาการรองนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมกันเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 จะมาทำหน้าที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลอีกตำแหน่งหนึ่งนั้นย่อมไม่อาจกระทำได้

4.กรณีที่มีอดีตรัฐมนตรีหลายคนอ้างข้อกฎหมายเกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรีของตนเองยังอยู่ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว แต่กลับมากล่าวอ้างว่าในขณะที่มีคำวินิจฉัยได้มีสองตำแหน่งควบกัน เช่นตนเองดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วยหรือเป็นรัฐมนตรีที่ได้ถูกสับเปลี่ยนกระทรวงที่รับผิดชอบไปแล้ว จึงสามารถทำหน้าที่ได้ต่อไปนั้น เป็นกรณีที่พยายามแปลความให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ และไม่มีกฎหมายสนับสนุนข้ออ้างเช่นนั้นอย่างชัดเจน

ในเรื่องนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบจ่ายเงินเดือนหรือให้สิ่งอำนวยความสะดวกในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งอยู่ ต้องเรียกกลับคืนรถประจำตำแหน่งและทรัพย์สินของทางราชการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยของรักษาการรัฐมนตรีนั้น ๆ พร้อมกับให้ข้าราชการประจำที่ไปช่วยงานรักษาการรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งกลับสู่งานในหน้าที่เดิมทั้งหมด และต้องงดจ่ายเงินเดือนและผลประโยชน์ให้กับรักษาการรัฐมนตรีทั้งหมดจากเงินภาษีอากรของประเทศโดยทันที

อนึ่ง หากยังมีข้าราชการไม่ยึดถือปฏิบัติโดยยังคงจะรับใช้รักษาการรัฐมนตรีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วนั้น ควรที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ในทุกส่วนราชการงดการจ่ายเงินและประโยชน์ใด ๆ รวมถึงการเพิกถอนหรือเรียกคืนทรัพย์สินของรัฐที่อยู่ในความครอบครองของรัฐมนตรีนั้นกลับคืนทันทีเช่นกัน

5.การพ้นจากตำแหน่งของรักษาการนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้ แม้จะเป็นการวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเป็นความผิดเฉพาะตัวตามความในมาตรา 182 (7) ของรัฐธรรมนูญก็จริงอยู่ แต่ความในมาตรา 180 ของรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 182 (2) และความในวรรคสองของมาตรา 180 ก็กำหนดไว้ชัดเจนว่าถ้าในกรณีที่ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 182 (1) (2) (3) (4) (5) (7) หรือ (8) ให้ดำเนินการตามมาตรา 172 และมาตรา 173 โดยอนุโลม  กล่าวคือต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่  แต่เนื่องจากขณะนี้ไม่มีสภาผู้แทนราษฎรคงมีแต่วุฒิสภา กรณีจึงเป็นปัญหาทางกฎหมายว่าวุฒิสภาจะสามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ ข้อกฎหมายในเรื่องนี้หากจะพิจารณาตามความในมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุไว้ชัดเจนว่า “การประชุมที่ให้วุฒิสภาทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งใดตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้” ข้อความที่บัญญัติไว้นี้ชัดเจนว่าไม่ได้หมายถึงบุคคลดำรงตำแหน่งในหน่วยงานพิเศษ เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช.  คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือคณะกรรมการตุลาการ เท่านั้น  เพราะมาตราเดียวกันนี้ที่เคยบัญญัติไว้ในมาตรา 168 ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ได้ถูกแก้ไขใหม่แล้ว  ดังนั้นการแต่งตั้งหรือรับสนองพระบรมราชโองการโดยวุฒิสภาที่ให้มีนายกรัฐมนตรีใหม่ย่อมทำได้ตามบทบัญญัติของมาตรา 132 (2) เพียงแต่ว่าในขณะนี้ ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องโยงไปใช้บทบัญญัติของมาตรา 7 กล่าวคือ “ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ซึ่งก็คือวุฒิสภาสามารถที่จะเสนอชื่อของนายกรัฐมนตรีต่อองค์พระประมุขและรับสนองพระบรมราชโองการให้นายกรัฐมนตรีตามที่วุฒิสภาได้เสนอจัดตั้งคณะรัฐบาลและดำเนินการตามกรอบของรัฐธรรมนูญต่อไปได้

สภาทนายความได้เคยให้ความเห็นเรื่องการบังคับใช้มาตรา 7 มาแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2549 รายละเอียดปรากฏตามบทวิเคราะห์กฎหมายของสถาบันวิจัยและพัฒนากฎหมายของสภาทนายความแนบท้าย

จึงแถลงการณ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์
9  พฤษภาคม  พ.ศ. 2557

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เข้าถึงงานบุญ งานศพ! ‘สวนดุสิตโพล’เปิดเหตุผลเลือกตั้งท้องถิ่น‘บ้านใหญ่’ยังครองพื้นที่ เข้าถึงงานบุญ งานศพ! ‘สวนดุสิตโพล’เปิดเหตุผลเลือกตั้งท้องถิ่น‘บ้านใหญ่’ยังครองพื้นที่
  • ‘นายกฯ’เปิดทำเนียบฯ 19 พ.ค.ต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ครั้งแรกในรอบ 20 ปี ‘นายกฯ’เปิดทำเนียบฯ 19 พ.ค.ต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ครั้งแรกในรอบ 20 ปี
  • เตือน‘สมศักดิ์’! เจิมศักดิ์แนะยกเลิก‘10ขุนพลวีโต้’แพทยสภา ดึงดันระวังไม่มีที่ยืนในสังคม เตือน‘สมศักดิ์’! เจิมศักดิ์แนะยกเลิก‘10ขุนพลวีโต้’แพทยสภา ดึงดันระวังไม่มีที่ยืนในสังคม
  • \'ประเสริฐ\' ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเชิงรุก 4 จังหวัดอีสานกลาง 'ประเสริฐ' ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเชิงรุก 4 จังหวัดอีสานกลาง
  • ไม่วางมือทางการเมือง ‘สดารัตน์’สู้! ขอโทษที่มีงูเห่าในพรรค ไม่วางมือทางการเมือง ‘สดารัตน์’สู้! ขอโทษที่มีงูเห่าในพรรค
  • ทีมงาน‘สมศักดิ์’กางแผน นัดผ่ามติแพทยสภา20พ.ค. ทีมงาน‘สมศักดิ์’กางแผน นัดผ่ามติแพทยสภา20พ.ค.
  •  

Breaking News

เข้าถึงงานบุญ งานศพ! ‘สวนดุสิตโพล’เปิดเหตุผลเลือกตั้งท้องถิ่น‘บ้านใหญ่’ยังครองพื้นที่

แชมป์แรกสโมสร! พาเลซโค่นเรือใบคว้าถ้วยเอฟเอคัพ

‘นายกฯ’เปิดทำเนียบฯ 19 พ.ค.ต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ครั้งแรกในรอบ 20 ปี

เร่งลอกคลอง! แก้ปัญหาน้ำท่วม ถนนพระราม2

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved