เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ามอบเอกสารหลักฐานและคลิปวีดีโอเพิ่มเติมต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) กล่าวโทษร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา ฐานเข้าข่ายกบฏสนับสนุนกลุ่มกปปส.
ทั้งนี้หลักฐานดังกล่าวประกอบด้วย คลิปภาพพร้อมเสียง และคำปราศรัยของนายเสรี วงษ์มณฑา หนึ่งในแกนนำ กปปส.ที่ปราศรัยที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ยื่นเป็นหลักฐานเพิ่มเติมสอบสวนดำเนินคดีนายสุรชัย รวมถึงกลุ่ม 40 ส.ว. โดยระบุว่า คำปราศรัยระบุชัดเจน ว่านายสุรชัย ได้หารือนอกรอบและเป็นพวกเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และการพยายามหาทางออกให้ประเทศ โดยให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง จึงเข้าข่ายสนับสนุนกบฏ
ด้านนายธาริต แถลงว่า ดีเอสไอจะมีการดำเนินการ 3 เรื่องด้วยกันคือ 1.ตนในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ได้ทำหนังสือแจ้งพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในคดีพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.อีกหนึ่งข้อหาคือก่อการร้าย ซึ่งข้อหาก่อการร้ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ดีเอสไอจึงส่งเรื่องต่อให้กับเลขาธิการปปง.
เรื่องที่2 .ตนได้เซ็นต์อนุมัติหมายเรียก นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา ให้มาสอบสวนกรณีมีผู้ร้องและมีหลักฐานอันน่าสงสัยว่านายสุรชัย กระทำการเข้าข่ายสนับสนุนนายสุเทพ และแกนนำกปปส. ที่มีความผิดฐานกบฎ จากความพยายามของ นายสุรชัย ที่จะให้มีนายกรัฐมนตรี มาตรา 7ซึ่งพนักงานสอบสวนสามฝ่ายประกอบด้วยดีเอสไอ ตำรวจ และอัยการ ได้กำหนดวันให้มาสอบสวนที่ศอ.รส. ในวันที่ 21 พ.ค. เวลา 14.00น.
นายธาริต กล่าวต่อว่า 3.จากช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่านายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสกลธี ภัททิยกุล แกนนำกปปส.ที่ได้ตกเป็นจำเลยในข้อหากบฎ แต่ยังไปปรากฎตัวร่วมปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มกปปส.หลายครั้ง ซึ่งเราได้บันทึกภาพ เสียง และพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งจะได้ยื่นต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนการประกันตัวกับบุคคลทั้งสอง โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในวันที่20 พ.ค. และขอเตือนแกนนำกปปส.คนอื่นที่ได้รับการประกันตัวไปอย่าได้กระทำการที่หมิ่นเหม่ดังกล่าว
ในขณะที่พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการป.ป.ง.กล่าวว่าได้รับเรื่องที่พนักงานดีเอสไอส่งเรื่องให้ตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของนายสุเทพ และนายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในคดีก่อการร้าย และเป็นไปตามความผิดมูลฐานกฏหมายการฟอกเงิน โดยทาง ป.ป.ง.จะประสานกับสถานบันการเงินหรือหน่วยงานทางการเงินที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบว่าธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงการกระทำผิดหรือไม่
ทั้งนี้การดำเนินการครั้งนี้เพราะมีฐานความผิดก่อการร้ายตามความผิดฟอกเงิน โดยป.ป.ง.จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อให้ทางคณะกรรมการธุรกรรม ของ ป.ป.ง.พิจารณา ซึ่งระยะเวลาในการดำเนินการจำเป็นต้องใช้เวลา ยืนยันว่าไม่ว่าฝ่ายใดหรือพวกใด ทาง ป.ป.ง.จะดำเนินการอย่างรอบคอบ หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะส่งข้อมูลให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดและศาลดำเนินการต่อไป
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ซึ่งเป็น1ใน 30ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันเป็นกบฎและข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหา เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่อาคารสโมสรตำรวจ โดยนายกิตคิศักดิ์ กล่าวว่า ขอปฎิเสธข้อกล่าวหาและไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหา เพราะการเข้าร่วมชุมนุมเป็นการใช้สิทธิเพื่อแสดงความคิดเห็น ก่อนใช้ตำแหน่งของตนเองยื่นขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นัดนำตัวส่งอัยการเพื่อส่งฟ้องศาลในวันที่ 27มิถุนายนนี้
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แถลงยืนยันที่ยื่นฟ้องร้องต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีกระทำเกินอำนาจกรณีขอศาลออกหมายจับแกนนำ กปปส. อีกทั้งการขออนุมัติศาลออกหมายจับของดีเอสไอมีความผิดปกติ โดยอาจเข้าข่ายจงใจทำให้ศาลเกิดความเข้าใจผิดว่าอัยการสั่งฟ้องแล้วทั้งที่ความจริงอัยการยังไม่ได้มีคำสั่งฟ้องแต่อย่างใด จึงถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งสถานะของศอ.รส.ก็มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี