‘แม้ว’ห้ามเพื่อไทยขยับ
สั่งปิดปาก
ผวา‘ลูก-เมีย’ถูกเล่นงาน
คสช.เตือนปชป.-กปปส.
หยุดโจมตี‘ฝ่ายตรงข้าม’
เรียกซ้ำจารุพงศ์-แก๊งแดง
ที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันที่ 9 มิถุนายน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อธิบายคำชี้แจงต่างๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ในการเข้ามากู้วิกฤติประเทศชาติหนนี้ว่า คสช. มีความตั้งใจจริง ไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างที่หลายกลุ่ม หลายฝ่ายได้กล่าวอ้าง
เตือนนักการเมืองระวังปาก
“ความคาดหวัง จากการที่คสช.พยายามดำเนินการอยู่ ยากที่จะใช้คำว่า WIN–WIN น่าจะใช้คำว่า ทุกคนได้รับผลประโยชน์ตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ โดยที่เงินงบประมาณของประเทศ ไม่รั่วไหล คนไทยหลายคนใจร้อน หัวหน้าคสช.เข้าใจและกำลังจะดำเนินการให้อยู่อย่างดีที่สุด เราไม่สามารถแก้ปัญหาที่สะสมมาเป็นสิบๆ ปีได้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน เว้นแต่เรื่องที่ติดขัดนั้นไม่ขัดกฎหมาย ซึ่งเดิมถูกละเว้น ถูกบิดเบือน เราต้องทำให้กฎกติกาเหล่านั้นทำงาน และทำให้ทันสมัยขึ้น”พ.อ.วินธัย กล่าว
และระบุว่า บรรดากลุ่มการเมือง พรรคการเมือง แกนนำ หรือคู่ขัดแย้ง ที่กล่าวถึงในเรื่องเหล่านี้ ขอให้ระมัดระวัง การกล่าวถึง คสช.ในลักษณะที่ไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อมั่น เรากำลังทำงาน ที่ทุกท่านทำมาหลายสิบปีไม่สำเร็จ ให้ เป็นรูปธรรมให้ได้โดยเร็ว ใครที่มีส่วนร่วมในการบริหารราชการในอดีต ถือว่า ต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น
จี้ปชป.-กปปส.หยุดโจมตี
ต่อมา พ.อ.วินธัย กล่าวด้วยว่า เพื่อบรรยากาศของการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นโดยเร็ว คสช. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบการใช้เครือข่ายระบบออนไลน์ของผู้สนับสนุน กปปส. ที่ยังมีการแสดงความเห็นทางการเมืองในลักษณะโจมตีฝ่ายตรงข้าม เพื่อทำความเข้าใจและให้ร่วมสร้างบรรยากาศความปรองดองสมานฉันท์ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงแถลงข่าวทางการเมืองอยู่ คสช. ก็จะขอความร่วมมือ เช่นกัน
ขอตัวคนร้ายข้าวแดน
รองโฆษก คสช.แถลงว่า ขณะนี้พบมีบางกลุ่มให้ข้อมูลผ่านทางโซลเชียลมีเดียที่บิดเบือน ผ่านทางโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งที่คสช.กังวลอย่างมาก เพราะหาต้นตอไม่ได้ ต้องเข้ารหัส เช่นผู้ใช้ชื่อ วินเซนต์ และ เสธ.น้ำเงิน แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจให้ทีมงานตรวจสอบติดตามแล้ว ซึ่งถ้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นกลางก็ไม่มีปัญหา แต่ใช้คำพูดพาดพิงทำให้ทราบว่าหมายถึงใคร ถึงขั้นพูดว่า คสช.กำลังต้องการทำลายระบอบทักษิณ
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนผู้ที่เคลื่อนไหวต่อต้านคสช.ในต่างประเทศ อย่างน.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์(โรส) นายจักรภพ เพ็ญแข นายสุนัย จุลพงศธร ตอนนี้กำลังพิจารณาการใช้สนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน อย่างกรณีของน.ส.ฉัตรวดี ที่โพสต์เฟสบุ๊กหมิ่นสถาบัน จะทำเรื่องขอให้ทางสหราชอาณาจักรส่งตัวมา โดยรายละเอียดของหนังสือกำลังให้ฝ่ายกฎหมาย คสช.และคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาอยู่
ประยุทธพร้อมพบสื่อนอก
ด้าน พ.อ. วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานโฆษก คสช. เปิดเผยว่า เนื่องจากการสื่อสาร ทำความเข้าใจให้ตรงประเด็นกับสื่อต่างประเทศมากยิ่งขึ้น จึงมีการเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เตรียม จัดดินเนอร์ทอล์ค พบปะพูดคุยกับสื่อต่างประเทศ เพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้นแต่ยังไม่ระบุ เวลาและสถานที่
ทั้งนี้ รายงานยืนยันได้ว่า ในวันที่ 11มิ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้าคสช.ได้นัดเชิญทูต กงศุลใหญ่ ประเทศในแถบยุโรปและเอเซีย 23 ประเทศ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจต่อสถานการณ์การเมือง โดยคาดว่าจะใช้กองบัญชาการกองทัพบกเป็นที่ชี้แจง
“แม้ว”สั่งปิดปากผวากระทบลูก
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยถึงความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินว่า นับแต่มีการควบคุมอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา ยังไม่มีใครได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงแนวทางการเคลื่อนไหวและทิศทางพรรคว่าจะเดินหน้าไปอย่างไร เนื่องจากถูกฝ่ายทหารจับตาความเคลื่อนไหว คาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะรอดูสถานการณ์ไปก่อนสักระยะ รวมทั้งคงอยากพักผ่อน ไม่อยากให้เป็นเป้าโจมตีทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบมาถึงครอบครัว ธุรกิจที่ยังอยู่ในประเทศ จึงขอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก ที่มักเดินทางไปหาบ่อยครั้ง
เพื่อไทยอ้อมแอ้มรับขอปิดปาก
ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงนี้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ต้องระวังเรื่องการสื่อสาร ไม่เช่นนั้น คสช. อาจเข้าใจผิดได้ และเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช.แล้ว ก็ต้องให้เวลา ให้โอกาส คสช.ได้ทำงานไป
โดยพรรคจะหยุดเคลื่อนไหวจนกว่าจะเห็นโรดแมปของคสช.ที่ชัดเจน และหากคสช.เชิญไปร่วมเสวนาปรองดองสมานฉันท์ ก็พร้อมให้ความร่วมมือ
ปชป.จี้เดินหน้าถอดถอน“ปู”
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นจากนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรค กล่าวว่า ขณะนี้มีเรื่องการถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งทางการเมืองค้างอยู่ในวุฒิสภา ได้แก่ การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีจำนำข้าว นายนิคม ไวยรัชพานิชอดีตประธานวุฒิสภา และอดีต สว.คนอื่นๆในคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ สว. ซึ่งคงต้องรอดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจอย่างไร ระหว่าง คสช.จะเป็นผู้ดำเนินการเอง หรือให้เป็นอำนาจของวุฒิสภาชุดใหม่
กลุ่มต่างๆทยอยรายงานตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ถึงบรรยากาศการให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 49,52 และ 53 ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในเวลา 10.00-12.00 น. จำนวน 34 คน โดยตลอดวัน ได้มีบุคคลตามคำสั่งคสช.ทยอยเดินทางเข้ารายงานตัว อาทิ บุคคลตามคำสั่งฉบับที่ 49 ได้แก่ นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ นางณหทัย ตัญญะ บุคคลตามคำสั่งฉบับที่ 52 ได้แก่ นายพรศักดิ์ ศรีละมุน
“จิระประวัติ”ชู3นิ้ว-กี้ร์โผล่หัว
เวลา 11.00 น. นายจิระประวัติ วศินทรงสุรเดช บุคคลตามคำสั่งฉบับที่ 52 ก็ได้เดินทางมารายงานตัว โดยก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่สโมสรทหารบก เทเวศร์นั้นนายจิระประวัติ ได้เดินเข้ามาหาผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวฝั่งตรงข้ามถนน และได้หยิบบัตรประชาชนขึ้นมาแสดง พร้อมทั้งชู 3 นิ้ว แล้วพูดว่า “ผมเป็นศิษย์คณะราษฎร์ ขอสละชีพเพื่อชาติ” จากนั้นจึงเดินข้ามถนนไปรายงานตัว นอกจากนี้ยังมีบุคคลตามคำสั่งฉบับที่ 50 ซึ่งต้องเข้ารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่เข้ามารายงานตัวในวันเดียวกันนี้ คือ คือ นายจำเริญ ชีวินเฉลิมโชติ นายวสุพล จตุรคเซนทร์เดชา นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์
ในส่วนของคำสั่งคสช.ฉบับที่ 53 มีรายชื่อบุคคลที่เคยถูกเรียกให้เข้ารายงานตัวแล้ว อาทิ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นั้น โดยนายอริสมันต์ ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวแล้ว
ออดอ้อนขอพร้องเพลงปรองดอง
นายสุชัยวุฒิ ชาวสวนกล้วย ผู้อำนวยการกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน(กนส.) กล่าวว่าตามที่กลุ่ม กนส.ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา หัวหน้า คสช.แล้วในวันที่ 4 มิ.ย. เพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตัวแทนเสนอแนวทางสร้างความยุติธรรมและปรองดองของคนในชาติ และขอพิจารณาประกาศผู้ที่ยังไม่ได้รายงานตัวให้มารายงานตัวอีกครั้ง พร้อมกันนี้ขอขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ที่แสดงเจตนารมย์ต้องการให้เกิดความปรองดองในบ้านเมือง
ทั้งนี้ได้รับการแจ้งจากนายอริสมันต์ว่า พร้อมที่จะใช้ความเป็นศิลปินนักร้องนักร้อง ช่วยในการสร้างความปรองดองและความสามัคคีให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองตามแนวทางของศูนย์ปรองดอสมานฉันท์ฯ พร้อมชี้แจงสามเหตุบุคคลที่ไม่รายงานตัวได้เนื่องจากมีคำสั่งในช่วงกลางคืน และบางส่วนมีปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งทางกลุ่มกนส.จะประสานบุคคลที่เหลือมารายงานตัวต่อไป
ทหารสอบปากคำ”ลายจุด”
ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์(ร.21 รอ.) ได้นำตัว นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด มายังห้องจามจุรี หอประชุมกองทัพบกเทเวศร์ เพื่อรายงานตัว และพูดคุยปรับทัศนะคติ ทำความเข้าใจ พร้อมแจ้งให้พนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำและทำสำนวนฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังสอบปากคำและทำความเข้าใจเสร็จ ทางทหารจะนำตัว นายสมบัติ ไปควบคุมต่อที่ค่ายทหารในพื้นที่ กทม. จนครบ 7 วันตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก จากนั้นถึงจะส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพต่อไป
ไอทีซีดำเนินคดี”ลายจุด”
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เผยกรณีการดำเนินคดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ว่า ได้รับการประสานจากทางทหารเตรียมส่งตัวนายสมบัติให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) สอบสวนเพื่อเตรียมดำเนินคดีเอาผิดในข้อหาที่เกี่ยวข้อง ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ยุยงปลุกปั่นประชาชน ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) ก่อนนำตัวกลับไปดำเนินคดีที่ศาลทหาร
สรรพากรจ่อสอบภาษี
นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรณี คสช.แต่งตั้งให้กรมสรรพากรเป็นหนึ่งในคณะทำงานตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล หรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้น กรมสรรพากรพร้อมที่จะร่วมทำงาน
โดยขณะนี้คงต้องให้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) วางแนวทางในการตรวจสอบและมอบมาให้กรมสรรพากรว่าจะตรวจสอบใครบ้าง ซึ่งสรรพากรต้องเน้นเรื่องภาษีว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ โดยจะเน้นไปยังบุคคลที่ไม่ยอมมารายงานตัวกับ คสช.
ไฟเขียวคง3พรบ.ประกอบรธน.
เย็นวันเดียวกัน คสช. ได้ออกประกาศฉบับที่ 57/2557 เรื่องให้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป โดยมีเนื้อหาสรุปว่า เพื่อให้ ศาล องค์กรอิสระและองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง คสช.จึงเห็นสมควรกำหนดเพิ่มเติมให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับยังมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป ดังต่อไปนี้
1.ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุด จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก แต่ให้งดเว้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งและการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาไว้ชั่วคราว
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจกำหนดหรือขยายระยะเวลาในการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในการเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไปพ.ศ.2557 ได้ตามที่เห็นสมควร
คงพรรคการเมืองต่อแต่ห้ามขยับ
2.ให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วดำเนินการประชุมหรือดำเนินกิจการใดๆ ในทางการเมือง และการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งหรือจดทะเบียนพรรคการเมืองให้ระงับไว้เป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราวด้วย ในกรณีมีข้อสงสัยให้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง
3.ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก และ 4.ข้อหาสำรวจบรรดาสำนวนอรรถคดีต่างๆ ที่อยู่ในอำนาจของกกต.และศาลให้ดำเนินการต่อไป
เรียกจารุพงษ์-โกตี๋รอบ2
ต่อมาเวลา 17.46 น. คสช. ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 57/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ในวันอังคารที่ 10 มิถุนายน ประกอบด้วย 1. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 2.นายจรัล ดิษฐาอภิชัย 3. นายชินวัฒน์ หาบุญพาด 4.นายวิสา คัญทัพ 5.นางไพจิตร อักษรณรงค์ 6.นางดารุณี กฤตบุญญาลัย 7.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 8. นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ 9.นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ 10.นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (สุรชัย แซ่ด่าน) 11.นายสงวน พงษ์มณี 12.นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 13.นายนิธิวัต วรรณศิริ 14. นายศรันย์ ฉุยฉาย (อั้ม เนโกะ) 15.นายไตรรงค์ สินสืบผล 16.นายชฤต โยนกนาคพันธุ์ 17.นายวัฒน์ วรรลยางกูร 18.น.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง
โวย“ออสเตรเลีย”เลิกจุ้น
วันเดียวกันนางพรทิพย์ อัษฎาธร กลุ่มศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเมลเบิร์น และตัวแทนผู้ประกอบการทัวร์ร้านอาหาร 20 คน เดินทางมายื่นหนังสือต่อสถานทูตออสเตรเลีย เพื่อขอให้ส่งหนังสือถึงรัฐบาลออสเตรเลีย โดยมี นางซูซานนาร์ แพททรู เลขานุการทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ ขอให้ทบทวนความสัมพันธ์ทางการทหาร ตามที่ออสเตรเลียประกาศลดความสัมพันธ์ทางการทหารกับไทย
ด้าน นางพรทิพย์ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลออสเตรเลียเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทย ว่า การเข้าควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แม้จะไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการนองเลือด และสถาบันการเงินต่างๆ ก็ไม่ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของประเทศไทยลง จึงขอให้ออสเตรเลียทบทวนการลดระดับความสัมพันธ์
อดีต40สว.เสนอตั้งคตส.2
ที่รัฐสภา นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวเรียกร้องการบริหารประเทศของ คสช. ว่า อันดับแรกต้องตั้งคณะตรวจสอบเรื่องทุจริตคอรัปชั่นเช่นเดียวกับ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.)ในอดีต เพื่อตรวจสอบนักการเมืองที่มีพฤติกรรมการทุจริตต่างๆ อย่างเช่น 5 รัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากเป็นปัญหาที่ประชาชนต้องการให้แก้ไขมากที่สุด
เบื้องต้นต้องการให้มีการอายัดทรัพย์สินของรัฐมนตรีกลุ่มดังกล่าวก่อน และหากชี้แจงได้สำเร็จก็นำทรัพย์สินคืนไปได้ ส่วนทำไมไม่หวังพึ่งการทำงานของป.ป.ช. เพราะเนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในสภาวะไม่ปกติ และการทำงานของป.ป.ช. ก็ช้าและมีขั้นตอนค่อนข้างมากอาจไม่ทันเหตุการณ์และทันใจประชาชน
“กำนัน” ผ่าตัดเอ็นไหล่ขาด
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. เปิดเผยว่า วันที่ 10 มิ.ย.นี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะเข้ารับการผ่าตัด หัวไหล่ขวา ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแต่ไม่ขอบอกสถานที่เนื่องจากนายสุเทพได้กำชับไว้ สำหรับอาการบาดเจ็บของนายสุเทพนั้น พบว่ามีเส้นเอ็นหัวไหล่ขาดหมดทุกเส้น ซึ่งบาดเจ็บเรื้อรังมาตั้งแต่การชุมนุมของ กปปส.แล้ว เบื้องต้นนายสุเทพมีกำหนดการที่จะพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 2 วัน
นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า ตนมีกำหนดการที่จะอุปสมบทที่วัดชลประทานฯ จังหวัดนนทบุรี โดยกำหนดการอุปสมบทนั้นจะมีการในช่วงประมาณหลังจากวันที่ 20 มิ.ย.ทั้งนี้หลังจากอุปสมบทตนจะไปจำวัดที่วัดป่าอัมพวัน จังหวัดชลบุรี เป็นระยะเวลา 10 วัน โดยการอุปสมบทครั้งนี้เพื่ออุทิศส่วนให้ผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมของกลุ่มกปปส.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี