โยกอีกลอตบิ๊กข้าราชการ
เด้งพงศพัศ
จับอธิบดีราชทัณฑ์ยัดกรุ
‘บิ๊กตู่’เคาะรธน.งดประชามติ
ห้ามกก.ยกร่างเอี่ยวการเมือง
ส่งแก้ไขถ้อยคำจ่อทูลเกล้าฯ
ประเดิมคุก2เดือนม็อบต้าน
ศาลปรานีโทษขังรอลงอาญา
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ดูแลฝ่ายความมั่นคง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ดูแลฝ่ายสังคมและจิตวิทยา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ดูแลฝ่ายเศรษฐกิจ พล.ต.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ดูแลฝ่ายกิจการพิเศษ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช.และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายของ คสช.รวมถึง นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย คสช.ในฐานะหัวหน้าทีมร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราว เดินทางมาประชุมหารือรายละเอียดเนื้อหาสาระร่างธรรมนูญการปกครอง 45มาตรา หลังจาก นายวิษณุ ส่งร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวให้หัวหน้า คสช.พิจารณามาแล้วก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ หากที่ประชุม คสช.ให้ความเห็นชอบก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยต่อไป
บิ๊กตู่ทูลเกล้าฯรธน.กรกฎาคม
ต่อมา เวลา 16.00น.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช.กล่าวว่า กรณีที่มีปรากฏข่าวในสื่อว่า คสช.ได้ประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เมื่อวันที่ 2กรกฎาคมและที่ประชุมไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฯและให้ส่งร่างรัฐธรรมนูญฯคืนกลับไปแก้ไขใหม่นั้น ขอเรียนว่า วันที่ 2กรกฎาคมที่ผ่านมา คสช.ไม่ได้ประชุมเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเวลา 09.00น.วันที่ 3กรกฎาคม คสช.ได้ประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว โดยที่ประชุมได้พิจารณาปรับแก้เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฯเพียงเล็กน้อย ซึ่งรายละเอียดนั้นไม่อาจเปิดเผยได้ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายที่รับผิดชอบไปปรับแก้ตามที่ที่ประชุม คสช.ได้ให้ข้อสังเกตแล้ว ส่วนกำหนดเวลาที่หัวหน้า คสช.จะนำร่างรัฐธรรมนูญฯขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยนั้น อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้า คสช.ซึ่งย่อมเป็นไปตามกำหนดระยะเวลาที่หัวหน้า คสช.ได้เคยกล่าวไว้ คือภายในเดือนกรกฎาคมนี้
“วิษณุ”ขอเวลาตรวจแก้เล็กน้อย
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายกฏหมาย ในฐานะหัวหน้าทีมร่างธรรมนูญปกครองชั่วคราว เปิดเผยว่า ธรรมนูญปกครองชั่วคราวยังไม่เสร็จ 100เปอร์เซ็นต์ ต้องปรับปรุงแก้ไขอีกเล็กน้อยและตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนที่หัวหน้า คสช.นำขึ้นทูลเกล้าฯซึ่งยังมีเวลา ส่วนจะแล้วเสร็จทันนำขึ้นทูลเกล้าฯภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ ตนไม่กล้ายืนยัน เดี๋ยวจะกลายเป็นการโกหก เอาเป็นว่าเมื่อทุกอย่างพร้อมและคสช.จะให้แถลงอย่างไรค่อยมาว่ากันอีกครั้ง ซึ่งความจริงเรื่องร่างธรรมนูญปกครองชั่วคราว ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย
“ที่มีข่าวว่า มีกว่า 8ประเด็นที่ยังเป็นปัญหาต้องให้ คสช.ตัดสินใจนั้น ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่เรื่องเดียว ปัญหาเพียงแค่ที่ผ่านมาคสช.ยังไม่เคยเห็นตัวร่างธรรมนูญปกครองชั่วคราวเลย และอยู่ประมาณ 7-8 ประเด็นที่ตนต้องชี้แจงด้วยตัวเองเพื่อให้คสช.เกิดความเข้าใจและตอบข้อซักถามของ คสช.หากมีข้อสงสัย ซึ่งคสช.คงมีเวลาฟังนิดเดียว ดังนั้นคงไม่ต้องไปชี้แจงอะไรมาก” นายวิษณุ กล่าว
ศปป.ชง11แผนปฏิรูปให้”คสช”
ด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยแนวทางตามขั้นตอนการรวบรวมและรายงานของศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ที่กำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฏาคมนี้ เพื่อรายงานคสช.ผ่านสำนักงานคณะกรรมการปรองดองและการปฏิรูปว่า หลังจาก ศปป.กอ.รมน.ภาคและจังหวัด ดำเนินกิจกรรมปรองดองสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปในรูปแบบต่างๆมาระยะหนึ่งแล้ว ข้อมูลที่ได้รับแบ่งเป็น 5กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มภาคประชาชน กลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ กลุ่มภาคแกนนำทางการเมือง กลุ่มภาคธุรกิจเอกชน กลุ่มภาคประชาสังคมและอื่น ๆ โดยแต่ละกลุ่มจะสะท้อนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระ กำหนดเป็นแนวทางได้ 11ประเด็น คือ 1.แนวทางการปฏิรูปทางการเมือง 2.แนวทางการสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้บริหารประเทศ 3.แนวทางการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 4.แนวทางการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน 5.แนวทางการปฏิรูปการทุจริตคอร์รัปชั่น 6.แนวทางการปฏิรูปการศึกษา 7.แนวทางการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ 8.ด้านข้อมูลข่าวสาร 9.ด้านความเหลื่อมล้ำทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม 10.การจัดสรรทรัพยากรที่ดิน ป่าไม้ และน้ำ 11.ด้านอื่นๆ เช่น ระ บบพลังงาน เป็นต้น ซึ่งแต่ละแนวทาง ศปป.จะรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ระดับหมู่บ้านจนถึงระดับภาค โดยเป็นข้อมูลดิบ ไม่มีการสรุป ไม่มีการชี้ถูกชี้ผิดส่งตรงต่อสำนักงานคณะกรรมการปรองดองและการปฏิรูปต่อไป
คสช.ห้าม18แกนนำออกตปท.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงภาพเอกสารคำสั่ง คสช.ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นคำสั่ง คสช.ฉบับที่80/2557 เรื่องให้บุคคลปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดระบุว่า เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ปัญหาบ้านเมือง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลที่มีรายชื่อต่อไปนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ได้แก่ 1.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 2.พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ 3.นายชูศักดิ์ ศิรินิล 4.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา 5.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 6.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 7.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 8.นางธิดา โตจิราการ 9.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ 10.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 11.นายจุติ ไกรฤกษ์ 12.นายศิริโชค โสภา 13.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ 14.นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ 15.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 16.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 17.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์และ18.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข สำหรับเงื่อนไขที่ คสช.กำหนดให้ปฏิบัติคือ 1.ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. 2.ให้ละเว้นการเคลื่อนไหวหรือประชุมทางการเมือง 3.หากฝ่าฝืนเงื่อนไข หรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองให้ถือว่าเป็นผู้ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศ คสช. ฉบับที่ 39/2557 ลงวันที่ 25พ.ค.2557 เรื่องการกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่มารายงานต่อ คสช.สั่ง ณ วันที่ 28มิ.ย.2557
“ศิริโชค”ยันไม่กระทบพรรค
ทั้งนี้ นายศิริโชค ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับเอกสารดังกล่าวเมื่อวันที่ 1กรกาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งไปถึงเฉพาะบุคคลที่มีรายชื่อในคำสั่งดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ที่เคยถูกควบคุมตัวที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 22พฤษภาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีการทำกิจกรรมทางการเมืองอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาใดๆต่อพรรค ส่วนงานในพื้นที่นั้น อดีต ส.ส.ก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลประชาชน และไปร่วมงานต่างๆตามที่ได้รับเชิญเข้ามา เช่น งานพิธีศพ งานทำบุญ เป็นต้น
UNระงับพาสปอร์ขรก.ข่าวลือ
ขณะที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่แทนรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวสหภาพยุโรป หรือ อียู ระงับการใช้พาสปอร์ตของราชการไทยนั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงมาตรการบังคับใช้เฉพาะระดับรัฐมนตรีขึ้นไปเท่านั้น
จำคุก1ด.-ฝ่าฝืนชุมนุมเกิน5คน
ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถนนพระราม ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการศาลแขวง6 (ปทุมวัน) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระยุทธ คงคณาธาร อายุ 49ปี ที่ร่วมชุมนุมต่อต้านการยึดอำนาจของ คสช.เป็นจำเลย ในความผิดฐาน กระทำผิด พรบ.กฎอัยการศึกพ.ศ.2457และฝ่าฝืนประกาศ คสช.เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5คนขึ้นไป จากกรณีเมื่อวันที่ 23พฤษภาคม มีผู้ชุมนุมรวมตัวประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของ คสช.บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน โดยเจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวจำเลยได้ ขณะรวมตัวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการควบคุมอำนาจของ คสช.ต่อมาจึงส่งตัวแจ้งความดำเนินคดี โดยคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงให้สืบเสาะประวัติและพฤติการณ์จำเลยก่อนมีคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบคำรับสารภาพแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาจำคุก 2เดือนและปรับ 6พันบาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1เดือนและปรับ 3พันบาท โทษจำคุกให้รอลงโทษไว้ 1ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับ
อีก2รายจ่อคิวรอฟังพิพากษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าวถือเป็นสำนวนแรกที่ศาลได้มีคำพิพากษา หลังทหารได้จับกุมตัวผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.และมีการส่งตัวแจ้งดำเนินต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้รวบรวมหลักฐานและยื่นฟ้องเป็นคดี โดยนายวีระยุทธ ถูกจับกุมพร้อม นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารและสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันและจสอ.อภิชาต พงษ์สวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จับการ์ดกปปส.ตื้บทหารยกกรวย
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.กสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ช่วยราชการ บช.น.แถลงข่าวจับกุม นายอานนท์ หรือ ดำ กลิ่นแก้ว อายุ 45 ปี หัวหน้ากลุ่มสิงห์ดำ ที่เป็นกลุ่มย่อยของการ์ด กปปส.แจ้งวัฒนะ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาปล้นปืนตำรวจ เหตุเกิดวันที่22 เมษายนที่ผ่านมา โดยจับตัวได้ที่ริมถนนสายทุ่งสง-นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2กรกฎาคมที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีพยานหลักฐานพบว่า ผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทำร้าย พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รอง ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อกลางดึกวันที่ 24เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ พ.อ.วิทวัส ขับรถกลับที่พักย่านเมืองทองธานี ได้ลงจากรถแล้วไปยกกรวยที่ตั้งขวางถนนจนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ไล่ยิงและรุมทำร้าย ส่วนผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรนั้น เป็นสิทธิของผู้ต้องหา
ด้าน นายอานนท์ ผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่า อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำร้าย ส่วนการกราบขอขมาแม่ของ พ.อ.วิทวัส ไม่ได้เป็นการยอมรับ แต่ออกมาในฐานะหัวหน้าการ์ดเพื่อขอโทษแทนลูกน้อง พร้อมเสียใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
กทม.ทุ่ม12ล้านดูพระนเรศวร5
นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม.พร้อม นายนเรศ บุญเปี่ยม รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ร่วมแถลงข่าวโครงการ”มหานครแห่งความสุข กทม.ร้อยใจ คนไทยยิ้มได้”โดยมี บริษัทพร้อมมิตรโปรดักชั่น จำกัด บริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทเอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว นางนินนาท กล่าวว่า โครงการมหานครแห่งความสุขฯในการชมตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ โดย กทม.ร่วมกับภาคเอกชน จัดให้ข้าราชการ ลูกจ้างและนักเรียนสังกัด กทม.ประมาณ 250,000คน ได้เข้าชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตอนยุทธหัตถี เริ่มวันที่ 8กรกฎาคมเป็นต้นไป ในระยะเวลา 2สัปดาห์ โดยเอกชนคิดค่าตั๋วเพียง 50บาท รวมเป็นเงิน 12.5ล้านบาทและจัดรอบพิเศษเวลา 09.30น.สำหรับการเข้าชมในโรงภาพยนตร์ 43แห่งและ ขสมก.สนับสนุนรถรับ-ส่งนักเรียนให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะจัดให้นักเรียนเข้าชมในวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนลูกจ้างและข้าราชการจะแจกคูปองให้ไปชมในวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อปลุกจิตสำนึกรักและภาคภูมิใจในความเป็นชาติ รวมถึงได้รับรู้ถึงคุณค่าของประวัติศาสตร์ชาติไทย
ระยองดอดทิ้งอาวุธสงครามอื้อ
ด้าน ร.ต.ท.ภักดิ์ชนก คำจินา พนักงานสอบสวนเวร สภ.มาบตาพุด ได้รับแจ้งว่า พบวัตถุต้องสงสัยมีคนมาทิ้งไว้บริเวณป่ายางหลังหมู่บ้านทิวลิป ถนนเนินพยอม ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง จึงแจ้ง ร.ต.ท.สุรเดช มณีพิทักษ์ หัวหน้าชุดเก็บกู้ระเบิดหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธร จ.ระยอง ไปตรวจสอบพบถุงกระสอบสีขาววางอยู่ 2 ใบ เมื่อเปิดออกพบอาวุธจำนวนมาก ได้แก่ เครื่องยิงอาร์พีจี 1กระบอก ปืนอาก้า 1กระบอก แก๊สน้ำตา จีเอส 3 ลูก ระเบิดควัน 2ลูก แฟร์ส่องสว่าง 3ลูก ระเบิดขว้างอาร์จีดี-5 จำนวน 1ลูก ระเบิดขว้างไทค์49 จำนวน 3 ลูก ระเบิดขว้าง 82-2 จำนวน 1ลูก กระสุนแก๊สน้ำตา 2ลูก กระสุนปืนเอ็ม16 จำนวน 30ลูก กระสุนปืน 40มม. (M79) จำนวน 6ลูกและระเบิดขว้างอีก 1ลูก คาดว่าผู้ครอบครองกลัวความผิดจึงแอบนำมาทิ้งไว้
สั่งเด้ง พงศพัศ พ้น เลขาฯปปส.กลับ สตช.
เมื่อเวลา 20.45 น.มีประกาศคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 84 เรื่องการกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการ ในสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และให้ นายวิทยา สุริยะวงศ์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ,ให้ นายกอบเกียรติ กสิวัฒน์ พ้นจากตำแหน่ง รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ,ให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษเจริญ พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และให้กลับไปปฎิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้ นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต พ้นจากตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี