'วิชา'ชี้กฎหมายต้านโกงซับซ้อน จิก'ปู'ปมไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันจันทร์ ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557, 13.57 น.
Tag :
21 ก.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องนนทรี 3 ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช) สนามบินน้ำ ได้จัดอบรมหลักสูตรนิติเศรษฐศาสตร์ระยะสั้น แก่เจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช และ คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจิตในภาครัฐ (ป.ป.ท) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช กล่าวบรรยายในหัวข้อ “ปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศไทย:บทบาทของนักกฎหมายและนักเศรษฐศาสตร์” โดยนาย วิชา กล่าวตอนหนึ่งว่า การทุจริตการคอร์รัปชั่นเป็นสิ่งที่หยั่งรากลึกในสังคมไทย โดยเฉพาะเรื่องของการให้สินบนแก่ผู้มีอำนาจ โดยคนไทยไม่คิดว่าเป็นการทุจริต หากแต่เห็นเป็นเรื่องของสินน้ำใจ เป็นสิ่งที่ต้องตอบแทนผู้มีพระคุณและเรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นเวลานาน จนกลายเป็นประเพณี นอกจากนี้สังคมไทยอยู่ในระบบอุปถัมภ์ จึงสามารถรองรับระบบการให้สินบนกับผู้ที่อยู่ในสถานะสูงกว่าโดยไม่ขัดเขิน
นายวิชา กล่าวว่า หากมองในทางเศรษฐศาสตร์เหตุผลที่การทุจริตคอร์รัปชั่นยังอยู่ในสังคมไทย มาจากความไม่เท่าเทียมกันในทางเศรษฐกิจ ที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยตลอดมา ยิ่งกว่านั้นผู้มีพลังทางเศรษฐกิจสูงกว่าแม้กระทำผิดต่อการทุจริตก็ไม่จำเป็นต้องรับโทษเพราะสามารถจ่ายเงินสินบนใต้โต๊ะ ก็รอดพ้นจากคดี รวมทั้งคดีความที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจมักไร้ประสิทธิภาพเต็มไปด้วยความล่าช้า ยังส่งผลให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลลดต่ำลงทุกขณะ โดยในสภาพเช่นนี้ รัฐบาลได้จัดทำ นโยบายประชานิยม ที่มีการแจกของและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่ประชาชนอย่างแพร่หลาย ทำให้ประชาชนรู้สึกตนได้ส่วนแบ่งต่างๆจากรัฐบาล โดยไม่สนใจโครงการเหล่านั้นจะทุจริตคอร์รัปชั่นจนเกิด "กับดักของความไม่เท่าเทียมกัน" หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะเกิดความทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น จนยากที่จะแก้ไขกลายเป็นกับดักทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ที่ไร้ความยุติธรรรม
นายวิชา กล่าวอีกว่า ในอดีตที่ผ่านมาการทุจริตเป็นเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์อันเป็นตัวเงินหรือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงิน แต่แนวโน้มในปัจจุบันเป็นเรื่องของการใช้อำนาจที่ได้จากประชาชนในทางที่ผิด เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ครอบงำเหนือสาธารณะ โดยใช้อำนาจที่มีอยู่เพือให้เกิดประโยชน์แก่พวกพ้อง เรียกว่า “ทุจริตเชิงนโยบาย” หรือบางครั้งอยู่ในลักษณธผลประโยชน์ทับซ้อน หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ
“ปัญหาที่พบในการต่อต้านการทุจริตการคอร์รัปชั่น คือ กฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมีความสลับซับซ้อน ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ผูกติดกับกฎหมาย คือ ออกมาแล้วต้องบังคับใช้ได้จริง และมีอยู่จริง ทั้งนี้ เกิดการตั้งคำถามจากประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกฎหมายว่าไม่เป็นธรรมต่อตนเอง ก็จะออกมาโวยวายว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากนั้นจะเกิดการโต้แย้งไปเรื่อย เช่น กรณีคดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าไม่รับความเป็นธรรมในกระบวนการไต่สวน และพิจารณา ทั้งที่กฎหมายที่ใช้ในประเทศไทยในปัจจุบันเป็นกฎหมายในรูปแบบรัฐถาธิปัตย์ คือ กฎหมายไม่มีการแบ่งแยกในระดับชนชั้น โดยใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกันจึงจะเกิดการเสมอภาคในสังคม รวมทั้งกฎหมายที่บังคับใช้ต้องตอบสนองสังคม หากตอบโจทย์ไม่ได้จะเกิดการโต้แย้งของการใช้กฎหมายในสังคมทันที” นายวิชา กล่าว