25 ก.ค.57 นายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกและทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคดีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้ว รวมถึง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันเสนอและลงมติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ว่า ตนได้เขียนบทความเรื่อง "ปล่อยคนชั่วลอยนวล" โดยชี้ให้เห็นว่าคนเหล่านี้กำลังจะหลุดพ้นจากคดีถอดถอนที่มีโทษตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศยกเลิก และในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ไม่มีบทบัญญัติใดมารองรับเกี่ยวกับเรื่องการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ส่งผลให้ 4 คดีที่ผ่านการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.แล้วและอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาถอดถอนของสมาชิกวุฒิสภาไม่สามารถดำเนินการต่อได้ และอีก 11 คดีที่อยู่ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช.จะต้องสะดุดหยุดลง หรืออาจจะกลายเป็นการนิรโทษกรรมในกรณีการถอดถอนไปโดยปริยาย หาก คสช. ไม่มีคำสั่งหรือกำหนดกติกาใหม่มารองรับ
นายราเมศ ระบุต่อว่า ตนได้แบ่งประเภทคดีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ตามกระบวนการตรวจสอบที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2550 ออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วอยู่ในกระบวนการถอดถอนของวุฒิสภา ซึ่งจะมีโทษตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.ซึ่งจะมีทั้งเรื่องการถอดถอนและคดีอาญาควบคู่กันไป
สำหรับคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว อยู่ในกระบวนการถอดถอนของ วุฒิสภา มีดังนี้
1.คดี นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ได้กระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2.คดี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
3. คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและบทกฎหมายในเรื่องการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
4.คดีสมาชิกวุฒิสภา 36 คน จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมาย หรือ ฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.
ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.ประกอบด้วย
1. คดีทุจริตของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กนอ.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ถูกร้อง หมายเลขคดีดำที่ 5730030017
2.คดีถอดถอน นายปลอดประสพ สุรัสวดี ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ในเรื่องการเลือกปฏิบัติ
3.คดีทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ที่ให้ความสำคัญกับการประกาศราคากลางเพื่อป้องกันการร่วมกันทุจริต ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้อง หมายเลขคดีดำที่ 5630032388
4.คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อนุญาตให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) แพร่ภาพและเสียง รายการมวยไทยซึ่งจัดที่เขตบริหารพิเศษมาเก๊า โดยมีเจตนาแพร่ภาพการกล่าวเปิดงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หมายเลขคดีดำที่ 5660030498
5.คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการตราพระราชกำหนด และลงมติเห็นชอบพระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศไทย พ.ศ.2555จำนวน 350,000 บาท หมายเลขคดีดำที่ 5660031462
6.คดีไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีนายกรัฐมนตรีไปสั่งการให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้อง หมายเลขคดีดำที่ 5630030315
7.คดีทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 66 และ มาตรา 88 ในการกักเก็บ ควบคุม ระบาย หรือบริหารจัดการน้ำ เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัย นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้อง ในปี พ.ศ. 2554 หมายเลขคดีดำที่ 5560080373
8.คดีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กระทำการโดยทุจริต และใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย กรณีไม่ได้กระทำการเปิดเผยราคากลางและรายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้อง หมายเลขคดีดำที่ 5630032388
9.คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ประจำปี พ.ศ.2555 นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้อง หมายเลขคดีดำที่ 5660030533
10.คดีร้องถอดถอนนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีการกระทำการที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายในเรื่องของการรับทรัพย์สินที่มิควรได้ จากกรณีบริษัท อีสวอเตอร์ ดำเนินการเรื่องการจัดตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆไปต่างประเทศ
11.คดีร้องถอดถอน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมาย หรือ ฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.
นายราเมศ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า คดีต่างๆเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบการกระทำของนักการเมืองที่ได้บังอาจกระทำการที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 และกระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งเจตนารมณ์เพื่อตรวจสอบการกระทำของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงไม่ให้มีการร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย โดยคดีต่างๆเหล่านี้ ก็จะมีความผิดเกิดขึ้น 2 ทาง เมื่อ ปปช.ได้ไต่สวนชี้มูลแล้ว กรณีความผิดในทางอาญาก็จะส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งกรณีนี้สามารถดำเนินต่อไปได้เพราะยังมีกฎหมายรองรับ และอีกช่องทางหนึ่งก็จะมีการส่งเรื่องไปยังวุฒิสภาเพื่อดำเนินการถอดถอน มีโทษในการตัดสิทธิในทางการเมืองเป็นเวลาห้าปี
"แต่เมื่อพิเคราะห์จากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 แล้วจะเห็นได้ว่า ประเด็นเรื่องการถอดถอนไม่มีการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้มีนักการเมืองที่ถูกดำเนินคดีจะหลุดพ้นจากการถูกถอดถอนโดยวุฒิสภาเดิมซึ่งเปรียบเสมือนการนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีต่างๆให้พ้นจากการที่ต้องรับโทษคือตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลาห้าปีโดยสิ้นเชิง เพราะแม้ว่าจะพ้นจากตำแหน่งต่างๆไปแล้วแต่โทษในเรื่องการตัดสิทธิทางการเมืองยังคงต้องดำเนินการตามกฎหมายเพราะว่ากฎหมายมีเจตนารมณ์ให้คนที่ดำรงตำแหน่งในทางการเมืองต่างๆเมื่อทำผิดรัฐธรรมนูญหรือกฎมายก็ต้องเว้นวรรคในทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เรื่องดังกล่าวนี้จึงต้องตั้งคำถามไปยัง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่าจะดำเนินการกับเรื่องดังกล่าวต่างๆเหล่านี้อย่างไร หรือว่าจะปล่อยให้คนที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองเหล่านี้ลอยนวลอย่างเป็นอิสระ" นายราเมศ ระบุทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี