ตั้งลอตแรกไม่เกิน200
ลุ้น”สนช.”
ทูลเกล้าฯสัปดาห์หน้า
เน้นทหาร-ผู้ทรงคุณวุฒิพรึ่บ
“วิษณุ-พรเพชร”ชิงดำนั่งปธ.
“บิ๊กตู่”ชี้แจงใช้อำนาจพิเศษ
ใช้สร้างสรรค์-ไม่ทำลายล้าง
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 25 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยในช่วงแรกได้ชี้แจงถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของคสช.ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทั้งด้านเศรษฐกิจ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC แก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร การส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์
ได้ชี้แจงเรื่องที่น่ายินดี และเป็นที่ปลาบปลื้มของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่งคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งได้ลงพระปรมาภิไธยแล้ว โดยฝ่ายกฎหมาย ได้แถลงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศให้ทราบในรายละเอียดและหลักการสำคัญๆไปแล้วบ้าง ซึ่งก็คือการเดินเข้าสู่โรดแมประยะที่ 2ตามกำหนด
ทั้งนี้หัวหน้า คสช. ระบุว่า ได้รับพระบรมราชานุญาตโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เข้ารับพระราชทาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พร้อมกับเรียกร้องสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศให้เข้าใจการปฏิบัติงานของคสช.ในระยะที่ 2 ที่จำเป็นต้องทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด
ขอความร่วมมือสื่อให้เข้าใจคสช.
“หากท่านไม่ได้มีเจตนาให้ร้าย วิพากษ์วิจารณ์เกินกว่าเหตุ เจตนาไม่บริสุทธิ์ก็คงไม่มีใครไปทำอะไรท่านได้ ขอความร่วมมือด้วย เพราะท่านมีพลังในการจะทำให้สังคมสงบเรียบร้อยหรือวุ่นวายก็ได้ หากท่านมีเจตนาร่วมกันปฏิรูปประเทศท่านก็น่าจะเข้าใจ ในระยะที่ 2 ก็อยู่ในการปฏิรูปด้วยในกลุ่มหนึ่งคือ การปฏิรูปสื่อมวลชนทุกแขนง ท่านต้องเข้ามาช่วยเหลือร่วมกันด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ย้ำใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงเรื่องการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวว่า เรามีความจำเป็นต้องกำหนดอำนาจหน้าที่ แต่ละฝ่ายให้ชัดเจน เพราะเป็นการใช้พระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามรัฐธรรมนูญ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 2 เดือน จะเห็นได้ว่า คสช. พยายามที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ไม่ได้มุ่งใช้อำนาจในการทำร้ายใคร แต่ใช้อำนาจในทางสร้างสรรค์ความสงบสุขให้กับประชาชนและชาติบ้านเมือง
ระบุสถานการณ์ยังไม่ปกติ
และย้ำว่าทุกคนน่าจะมีความสบายใจที่มีการถ่วงดุลเพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราวนี้ ดูแลทั้งรัฐบาลและ คสช. ซึ่งจะมีอำนาจที่เข้มแข็ง ในการสงบเรียบร้อยต่อสังคม และการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของทุกภาคส่วน วันนี้เป็นสถานการณ์ที่ยังไม่ปกติ ถ้าปกติแล้วคงเลิกแล้วกันทั้งหมด ยังไม่ปกติยังปฏิรูปไม่ได้ วันนี้เพียงแค่ลดความรุนแรงลงเท่านั้นเอง พร้อมกับขอร้องเลิกต่อต้านคสช.แล้วหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของชาติ
ไม่ใช้อำนาจทำลายล้างใคร
พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำว่า การใช้อำนาจของคสช. แม้จะอยู่ในฐานรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งมีอำนาจมากมาย แต่เราก็จะไม่ไปรังแกคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือคนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่อย่างนั้นปัญหาขัดแย้งก็จะไม่จบสิ้น เราจะให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เราจะให้เวลาในการสอบสวน พิสูจน์ทราบให้เกิดความชัดเจน มีความเป็นธรรม ไม่มุ่งหวังจะไปใช้อำนาจทำลายล้างใคร
ถ้าหนีคดีกลับมาต้องถูกลงโทษ
“คสช.จะไม่พยายามทำตามข้อเรียกร้องของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะ หากเรียกร้องไปและทำตามไป บางอย่างอีกพวกจะบอกว่าไม่ได้ทำซึ่งจะต้องสู้ไปอีกเหมือนเดิมฉะนั้นรอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไปด้วย หลักฐานที่เพียงพอ ถ้าทำผิดจริงก็ต้องถูกลงโทษ ถ้าไม่ให้ถูกลงโทษก็ต้องหนีไปซึ่งจะอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ ถ้าจะกลับมาก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายราย”พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ขอให้ไว้ใจการใช้อำนาจคสช.
และย้ำว่าตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับนี้ ไม่ว่า คสช.จะมีอำนาจมากเท่าใด หากผู้ใช้อำนาจนั้น ใช้ในการกระทำสิ่งดี ๆ เกิดประโยชน์กับคนไทย กับประเทศไทย ก็ไม่ต้องกังวลใด ๆ ในขณะที่มีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม จริยธรรม มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าเข้ามาแล้วไม่ดี ไม่ทำประโยชน์ไม่โปร่งใสสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ฉะนั้น ขอความไว้วางใจกับการใช้อำนาจของ คสช.
เดินหน้าเข้าสู่โรดแมประยะ2
ส่วนการบริหารราชการแผ่นดินในระยะที่2 เมื่อเรามีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี(ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เราก็คงปฏิบัติงานในกรอบอำนาจเต็ม คือ การใช้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการ ผ่าน ครม.สภานิติบัญญัติกระบวนการยุติธรรม โดยมีการปฏิรูปในเรื่องที่สำคัญควบคู่ไปด้วย
อย่าให้การยึดอำนาจสูญเปล่า
ทั้งนี้จะมีการกำหนดให้ผลการปฏิรูปมีผลในทางปฏิบัติในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่มีรัฐบาลใหม่ต่อไป วันนี้ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำและมีความเห็นชอบร่วมกัน จะได้หาข้อยุติลงได้และจะได้ไม่ส่งผลร้ายเช่นที่ผ่านมาอีกในอนาคต มิฉะนั้นแล้ว การเรียกร้อง ต่อสู้ ล้มตายของประชาชนและเจ้าหน้าที่ และการปฏิบัติงานของ คสช. ก็จะสูญเปล่าไปอีกเหมือนเดิม บ้านเมืองกลับเข้าสู่วงจรเดิม ท่านจะยอมแบบนั้นหรือไม่
ไม่หวงอำนาจ-เฟส2เสร็จทันกำหนด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำว่า การมีสนช.และสปช.เพื่อทำให้การปฏิรูปสามารถดำเนินการได้อย่างแท้จริงตามโรดแมป แต่ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับ คสช.ฝ่ายเดียว การจะช่วยให้ประเทศชาติเดินต่อไปข้างหน้า ต้องเป็นท่าน ร่วมมือกับเรา รับฟังความคิดเห็นร่วมกันกับเรา มีความคิดเห็นอย่างไรสามารถสอบถามมาได้ อย่าไปวิเคราะห์วิจารณ์กันไปเองหรือไปกลัวอะไรที่ยังมาไม่ถึง
โอกาสสุดท้ายพาชาติรอดหายนะ
“ฉะนั้นอยากจะขอความร่วมมือกับทุกคนให้ช่วยกันนำบ้านเมืองไปสู่ความสงบ ไปสู่ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนและไม่ให้มีความขัดแย้งกันต่อไป เพราะถ้าเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก ผมไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร ไม่มีทางแก้ไขปัญหาอีกแล้ว คราวนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาที่จะต้องร่วมมือกันให้มากที่สุดและถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศไทย กรุณาอย่าเรียกร้องอะไรกันมากนักระหว่างยังไม่มีการเลือกตั้งโดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร ซึ่งจะต้องร่างขึ้นมาใหม่ในระยะที่2นี้ให้ทันเวลาเพื่อจะนำไปสู่การเลือกตั้งประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์และเกิดการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรมตามที่ทุกพวกทุกฝ่ายต้องการ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ปลัดกห.ปัดนั่งเก้าอี้ปธ.สนช.
ด้าน พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหมและประธานคณะทำงานเตรียมปฏิรูปประเทศไทย ปฏิเสธที่ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวว่า คสช.วางตัวให้เป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดย พล.อ.สุรศักดิ์ ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.แต่อย่างใด ต่อข้อถามว่า เดือนกันยายนนี้ จะเกษียณอายุราชการแล้วจะไปไหนพล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เกษียณอายุราชการแล้วก็กลับบ้าน ทั้งนี้ พล.อ.สุรศักดิ์ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ประเด็นทางการเมือง
คาดทูลเกล้าฯสนช.สัปดาห์หน้า
รายงานข่าวจาก คสช.แจ้งว่า การแต่งตั้งและทูลเกล้าฯรายชื่อสมาชิก สนช.นั้น เบื้องต้นหัวหน้า คสช.จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯไม่ครบ 220คน ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดไว้ แต่จะนำรายชื่อทูลเกล้าฯล็อตแรกก่อนประมาณ 190-200คน เนื่องจากต้องการเปิดกว้างและเหลือพื้นที่เอาไว้ให้เพิ่มเติมบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปได้ในภายหลัง ซึ่งสมาชิก สนช.ล็อตแรก ส่วนใหญ่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญและนายทหารระดับสูง คาดว่า น่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ไม่เกินสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ตามขั้นตอนหลังจากหัวหน้าคสช.นำรายชื่อสมาชิกสนช.ขึ้นทูลเกล้าฯและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแล้ว จะประชุม สนช.นัดแรกเพื่อเลือกประธานสนช.1คนและรองประธาน สนช.2คน จากนั้นจะรนำรายชื่อบุคคลที่ได้รับเลือกเป็นประธานและรองประธาน สนช.ขึ้นทูลเกล้าฯ อีกครั้ง
“วิษณุ -พรเพชร”ลุ้นนั่งประธาน
แหล่งข่าวจากคสช.เปิดเผยด้วยว่า ตัวเต็งที่คาดว่าจะได้รับเลือกให้เป็นประธานสนช.นั้น เป็นที่แน่นอนแล้วว่า จะไม่คลาดเคลื่อนระหว่าง นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. ฝ่ายกฎหมาย ในฐานะหัวหน้าทีมร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว กับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้า คสช.คนใดคนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกใคร เพราะต้องมีคนหนึ่งไปดำรงตำแหน่งรองนายกฯรับผิดชอบเรื่องกฎหมาย กับคนหนึ่งต้องเป็นประธาน สนช.สองคนนี้จะต้องมีตำแหน่งแน่นอน ไม่มีคนอื่น โดยคนหนึ่งต้องเป็นรองนายกฯ กับอีกคนหนึ่งจะต้องเป็นประธาน สนช.เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นกำลังสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่สำคัญทั้งคู่มีคุณสมบัติตามที่ คสช.ต้องการคือ มีความเชี่ยวชาญและไว้ใจได้ โดยเฉพาะตำแหน่งประธานสนช.ที่จะต้องเลือกคนไว้ใจได้ เพราะมีหน้าที่เสนอชื่อนายกฯและดูแลกฎหมายสำคัญ
“ราชกิจจาฯ”เปิดค่าตอบแทนคสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ คสช.ฉบับที่93 เรื่อง การกำหนดอัตราสำหรับผู้ปฏิบัติงานใน คสช.และเทียบตำแหน่งค่าตอบแทน ดังนี้ 1.เลขาธิการหัวหน้า คสช.1อัตรา เทียบเท่าเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2.ที่ปรึกษาประจำหัวหน้า คสช.2อัตรา เทียบเท่ากับที่ปรึกษานายกฯ 3.รองเลขาธิการประจำผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช.14อัตรา เทียบเท่ารองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง 4.ที่ปรึกษาประจำผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช. 14อัตรา เทียบเท่าที่ปรึกษารองนายกฯ 5.โฆษกประจำ คสช. 1อัตรา เทียบเท่าโฆษกประจำสำนักนายกฯ 6.รองโฆษกประจำ คสช.1อัตรา เทียบเท่ารองโฆษกประจำสำนักนายกฯ 7.ตำแหน่งประจำ คสช.10อัตรา เทียบเท่าตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ
สำหรับค่าตอบแทนที่ข้าราชการการเมืองจะได้รับตาม”บัญชีอัตราตำแหน่งและเงินเดือนข้าราชการการเมือง ฉบับล่าสุดของกระทรวงการคลัง แสดงไว้ดังนี้ เลขาธิการนายกฯ 60,390บาท ที่ปรึกษานายกฯ 54,910บาท รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง 53,440บาท ที่ปรึกษารองนายกฯ45,000บาท โฆษกประจำสำนักนายกฯ 45,000บาท รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ 42,200บาท ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ 24,200บาท ส่วนบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งข้าราชการการเมือง มีดังนี้ เลขาธิการนายกฯ 18,500 บาท ที่ปรึกษานายกฯ15,000 บาท รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง 14,500บาท ที่ปรึกษารองนายกฯ10,000 บาท โฆษกประจำสำนักนายกฯ 10,000บาท รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ4,900บาท ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ 2,850บาท
ปชป.ชี้ช่องโหว่รธน.ชั่วคราว
นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า จากการติดตามคดีที่พรรค ปชป.ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาและสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันเสนอและลงมติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา สว.นั้น ปรากฎว่าบุคคลเหล่านี้อาจหลุดพ้นจากคดีถอดถอนที่มีโทษตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5ปี
หวั่นปูกับพวกหลุดคดีถอดถอน
เนื่องจากรัฐธรรมนูญ2550 ถูก คสช.สั่งยกเลิกและรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี2557 ไม่มีบทบัญญัติใดมารองรับเรื่องการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ส่งผลให้ 4คดีที่ผ่านการชี้มูลความผิดจากปปช.แล้วและอยู่ในระหว่างรอพิจารณาถอดถอนของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่สามารถดำเนินการต่อได้และอีก 11คดีที่อยู่ในชั้นการไต่สวนของ ปปช.อาจทำให้นักการเมืองที่ถูกดำเนินคดีจะหลุดพ้นจากการถูกถอดถอนโดยวุฒิสภาเดิม จึงอยากให้ คสช.แก้ปัญหานี้ อย่าปล่อยให้คนที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองลอยนวล เพราะคนอาจสงสัยว่า เข้าข่ายนิรโทษกรรมหรือไม่
ทั้งร่วมแก้รธน.-ทุจริตจำนำข้าว
นายราเมศ กล่าวต่อว่า คดีที่พรรคยื่นร้องต่อ ปปช.แบ่งได้ 2ประเภท คือ ประเภท ปปช.ชี้มูลแล้วและอยู่ในกระบวนการถอดถอนของวุฒิสภา ซึ่งมีโทษตัดสิทธิ์การเมือง 5ปีและคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ปปช.ซึ่งจะมีทั้งเรื่องการถอดถอนและคดีอาญาควบคู่กันไป คือ 1.คดี นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กระทำการขัดรัฐธรรมนูญกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.คดีที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.คดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำการขัดรัฐธรรมนูญและทุจริตโครงการรับจำนำข้าว 4.คดีสมาชิกวุฒิสภา 36คน จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ กรณีร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา สว.
บริหารจัดการน้ำ-ปล่อยแม้วออกทีวี
ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือ คดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ปปช.ประกอบด้วย 1.คดีทุจริตของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กนอ.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ถูกร้อง 2.คดีถอดถอน นายปลอดประสพ สุรัสวดี ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ เนื่องจากกระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา30 เรื่องเลือกปฏิบัติ 3.คดีทำผิดพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เกี่ยวกับการประกาศราคากลาง 4.คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีอนุญาตให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย แพร่ภาพและเสียงการกล่าวเปิดงานรายการมวยไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจัดที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า
ย้ายนายทหาร-รับทรัพย์สินมิชอบ
5.คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการตราพระราชกำหนด (พรก.) และลงมติเห็นชอบ พรก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 3.5แสนล้านบาท 6.คดีไม่ปฏิบัติตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีนายกฯสั่งการให้หน่วยงานของรัฐจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง โดยนายกฯเป็นผู้ถูกร้อง 7.คดีทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่กรณีการบริหารจัดการน้ำเป็นเหตุให้เกิดอุทกภัย 8.คดีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีไม่เปิดเผยราคากลาง 9.คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ประจำปี2555 นายกฯเป็นผู้ถูกร้อง 10.คดีร้องถอดถอน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ กรณีการกระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายเรื่องการรับทรัพย์สินที่มิควรได้ จากกรณีบริษัทอิสวอเตอร์ ดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายอื่นๆไปต่างประเทศ 11.คดีร้องถอดถอน สส.จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ กรณีร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา สว.
“อภิสิทธิ์”นำอวยพรวันเกิด”ชวน”
เวลา 12.00น.วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค อดีต สส.พรรค รวมถึงอดีตแกนนำ กปปส. อาทิ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายวิทยา แก้วภารดัยและนายสกลธี ภัทยกุล เข้ามอบเค้กและต้นไม้มงคล อวยพรวันคล้ายวันเกิด นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯล่วงหน้า เนื่องจากวันที่ 28กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดจริง นายชวน ต้องไปประเทศออสเตรเลีย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการสังสรรค์ทานอาหารกลางวันและพูดคุยเรื่องทั่วๆไป เพราะนื่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสพบปะกันหลัง คสช.ยึดอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 22พฤษภาคมที่ผ่านมา
สั่งพบปะชาวบ้าน-ก่อนเลือกตั้ง
หลังเข้าอวยพรวันเกิด นายชวน ได้กล่าวขอบคุณสามาชิกพรรคที่มาอวยพร พร้อมเล่าถึงสุขภาพหลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดีว่า ขณะนี้เป็นปกติดีแล้วและได้ออกพบปะกับชาวบ้านตลอด แม้สถานการณ์บ้านเมืองจะไม่ปกติ แต่วันข้างหน้าต้องมีการเลือกตั้ง จึงขอให้ทุกคนอยู่กับชาวบ้านและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“เก่ง การุณ”โพสต์ลาบวช9วัน
นายการุณ โหสกุล อดีต สส.พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “กราบลาอุปสมบทครับ...เพื่อนๆทุกท่านครับ ที่ผ่านมาผมไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ลูกผู้ชายไทยที่เป็นชาวพุทธให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากต้องทำงานต่อสู้ชีวิตตั้งแต่เป็นวัยรุ่นเพราะครอบครัวฐานะยากจน ตอนนี้มีโอกาสผมขอทำหน้าที่ทดแทนคุณให้กับคุณแม่และผู้มีพระคุณ ผมจะตั้งใจปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอย่างน้อย 9วันและขอกุศลผลบุญนี้ส่งถึงเพื่อนๆทุกคนด้วยความเต็มใจ พร้อมโพสต์ภาพ 3ภาพ คือ ภาพ กราบแทบเท้า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ภาพคู่ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชรและ ภาพคู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”
คาดคืนเก้าอี้”พัชรวาท”ใน3วัน
ทางด้าน พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบช.สำนักงานกำลังพล กล่าวถึงกรณี คสช.มีคำสั่งฉบับที่93 เรื่องยกโทษปลดออกจากราชการ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จากตำแหน่ง ผบ.ตร.หลังจาก ปปช.ลงโทษกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เมื่อปี2551 ว่า เพิ่งทราบเรื่อง จึงเรียกประชุมหน่วยงานต่างๆ เพื่อหารือและดำเนินการเกี่ยวกับเงินบำเหน็จบำนาญ ตลอดจนสวัสดิการต่างๆ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท อาจไม่ได้รับหรือได้รับไม่ครบถ้วน ในช่วงที่ยังไม่ได้รับการยกโทษ คาดว่าจะคืนสิทธิและเงินตอบแทนต่างๆได้ภายใน 3วัน
“สมยศ”ส่งวิสัยทัศน์ชิงผบ.ตร.
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้ส่งประวัติ ผลงานและวิสัยทัศน์ให้ทาง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เพื่อพิจารณาคัดเลือกเป็น ผบ.ตร.แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ทั้งนี้ตนรู้สึกดีใจที่สื่อมวลชน ประชาชน ตลอดจนผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญและมองว่าตนเป็นตัวเก็ง ส่วนผลจะออกมาประการใด ส่วนตัวแล้วรับได้หมด เพราะเป็นข้าราชการตำรวจ หากผู้บังคับบัญชาตัดสินใจอย่างไรก็ต้องรับฟังและปฏิบัติตาม โดยพร้อมจะน้อมรับการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา ทุกกรณี
“พล.ต.อ.เอก”พร้อมลงชิงเก้าอี้
ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า พล.ต.อ.วัชรพล ได้สั่งการให้ตน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ตามประกาศ คสช.แสดงวิสัยทัศน์ หัวข้อเรื่อง การบริหารจัดการ ซึ่งมีความยาวไม่เกิน 2 หน้ากระดาษเอ 4 โดยส่งภายในวันเดียวกันนี้ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในการประชุม คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี