เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐ กล่าวหลังลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อตรวจสอบโกดังข้าวเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ว่า ข้อสังเกตจากการลงพื้นที่คือ ปัญหาสำคัญอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวที่หลายคนมองข้าม เป็นผลมาจากความรีบเร่งเปิดตัวโครงการประชานิยมดังกล่าว โดยปราศจากการคำนึงถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิของข้าวไทย กลับกลายเป็นจุดบกพร่องทางกลยุทธ์ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น กระทั่งนำสู่ความล้มเหลวในที่สุด
ทั้งนี้ ตนกำลังพูดถึงเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของโกดังข้าว เพราะโกดังหลายแห่งอยู่ในสภาพ จำยอมทำหน้าที่เก็บรักษาข้าวตามที่ภาครัฐกำหนด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความรู้ความเข้าใจ คิดกันไปเองว่าได้ค่าเช่าบ้างก็ยังดี โกดังหลายแห่งจึงขาดมาตรฐานที่เหมาะสม ขณะนี้เจ้าของโกดังพากันเบื่อหน่ายกับเซอร์เวเยอร์และโครงการเจ้าปัญหา เขาอยากให้ฝันร้ายนี้จบลงโดยเร็ว เพราะตัวเองเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง นอกจากจะถูกเพ่งเล็งจากสังคมว่ามีส่วนรู้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งแม้แต่ค่าเช่าโกดัง ตนก็ได้รับการชำระจากภาครัฐที่ล่าช้ามาก และในหลายกรณียังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมของสถานที่อีกด้วย
วันเดียวกัน ที่กองทัพภาคที่2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.อ.ชินกาจ รัตนจิตติ โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า หลังจากกองทัพภาคที่2 จัดกำลังทหาร 13ชุด ชุดละ 8นาย รวมทั้งสิ้น 104 นาย ร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าว ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังข้าว 297 โกดัง ในพื้นที่ 14จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบไปด้วย จังหวัดนคราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 3-26กรกฎาคม 2557 วันนี้ได้ทำการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่ามีข้าวที่หายไม่ตรงกับบัญชีทั้งสิ้น 4,298กระสอบ คิดเป็นร้อยละ 0.018 จากบัญชีข้าวทั้งหมด 23,235,449กระสอบ โดยส่วนที่หายไปนี้ถือว่าน้อยมากและไม่เกิน 5% ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวและคุณภาพข้าวกำหนดไว้ ซึ่งอาจจะเกิดจากมอดกิน หรือการรั่วไหลจากกระสอบ
นอกจากนี้ ยังมีปริมาณข้าวที่เสียหายจากการถูกน้ำท่วมอีกจำนวน 17,505 กระสอบ คิดเป็นร้อยละ0.08 โดยข้อมูลปริมาณข้าวทั้งหมด ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้รวบรวมและส่งไปให้คณะกรรการตรวจสอบประปริมาณและคุณภาพข้าวส่วนกลางแล้วเช้าวันนี้ เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพข้าว ว่ามีการสอดไส้ หรือคุณภาพข้าวไม่ตรงกับบัญชีหรือไม่ต่อไป
ด้าน นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 ลงร้อยละ 3ต่อปีนั้น ปรากฏว่ามีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.มาขอใช้บริการสินเชื่อผ่าน ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อนำไปเพาะปลูกข้าวแล้วจำนวน 2 ล้านราย ซึ่งเกษตรกรดังกล่าวถือเป็นกลุ่มที่จะได้รับสิทธิในการลดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ตามมาตรการในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เกษตรกรยังขาดความเข้าใจในการใช้สิทธิดังกล่าว ซึ่งขั้นตอนสำคัญคือ เกษตรกรต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับเกษตรอำเภอ หรือเกษตรจังหวัดในพื้นที่ โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.และที่ไม่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.รวมไปถึงเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ให้เร่งไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับหน่วยงานข้างต้น เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราเดิมที่เกษตรกรเคยกู้ลดลงร้อยละ 3 ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี