สนช.ป้ายแดงแห่เชียร์
“บิ๊กตู่”นายกฯ
อ้าง”ซาวเสียง”กันแล้ว
ย้ำนาทีนี้ไม่มีใครเหมาะสม
มารายงานตัววันแรก34คน
พบ”ธวัชชัย-จุฬาราชมนตรี”
ส่อหลุดเก้าอี้-ขาดคุณสมบัติ
เลือกปธ.8สค.-“พรเพชร”แรง
เมื่อเวลา 08.30น.วันที่ 1สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้เปิดให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เข้ารายงานตัวหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น สนช.จำนวน 200 คน โดยจัดที่ชั้น 1 ห้องโถงอาคารรัฐสภา 2 เป็นสถานที่รับรายงานตัว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากที่เงียบเหงาจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองมานานหลายเดือน
เปิดประชุมสนช.7สิงหาคม
นางนรรัตน์พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า ให้เวลาในการรายงานตัว 5วัน ก็น่าจะมารายงานตัวครบทั้ง 200 คน โดยรัฐพิธีการเปิดประชุมรัฐสภาจะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จากนั้น
ในวันที่ 8สิงหาคม จะเป็นการประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธาน สนช. และรองประธานสนช. โดยให้ผู้อาวุโสสูงสุดคือ นายสมพร เทพสิทธา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งอาจต้องใช้ข้อบังคับการประชุม สนช.ปี2549
"ตวง"รายงานตัวสนช.คนแรก
สำหรับบรรยากาศในการรายงานตัวนั้น ปรากฏว่านายตวง อันทะไชย สนช.และอดีต สว.กลุ่ม 40สว.เดินทางมารายงานตัวเป็นคนแรก เมื่อเวลา 10.00 น. พร้อมกับกล่าวว่าภารกิจของ สนช.ในอนาคต เน้นเรื่องปฏิรูปประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบันให้อำนาจ สนช.ในการพิจารณากฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่เสนอมาจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)
ยันทหารพรึ่บไม่ใช่ประเด็น
เมื่อถามว่า สนช.ที่มีทหารเป็นจำนวนมากจะปัญหาภาพลักษณ์หรือไม่ นายตวง กล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือการทำงานเพื่อบ้านเมืองให้เดินหน้าสู่การปฏิรูปได้ จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำงานเพื่อพัฒนาประเทศไปสู่จุดดังกล่าวให้ได้ พร้อมยืนยันว่าส สนช.ยังมีอำนาจในการถอนถอนอยู่เพราะปัจจุบันกฏหมาย ปปช.ยังมีผลบังคับใช้อยู่
“ศิระชัย-จิระเดช”มาลำดับ2-3
จานั้นนายศิระชัย โชติรัตน์ อดีต ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้เข้ารายงานตัวในฐานะ สนช. พร้อมกล่าวว่า ไม่มีใครทาบทามให้มาทำหน้าที่ สนช.โดยทราบเรื่องจากประกาศ คสช. เมื่อทราบแล้วจึงเดินทางมารายงาน ในฐานะที่เป็นอดีตข้าราชการ เมื่อเกษียนแล้วก็ขออุทิศตนทำงานให้บ้านเมืองเต็มที่ ส่วนจะทำเรื่องใดเป็นพิเศษยังไม่ขอพูด ขอเวลาทำงานก่อน
ต่อมา พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต เดินทางมารายงานตัวเป็นคนที่3 โดยหลังเสร็จสิ้นได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
“บิ๊กเยิ้ม”ส่อหลุดเก้าอี้สนช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบรายชื่อ สนช.พบว่าในส่วนของ”บิ๊กเยิ้ม”พล.อ.ธวัชชัย หรือ สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 อาจจะขาดคุณสมบัติตามมาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 เนื่องจากมีรายชื่อเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา และได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2557 รวมทั้งเคยลงสมัครสส.ที่จ.นครราชสีมาด้วย
“ธวัชชัย”พร้อมหยุดทำหน้าที่
ด้านพล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิก สนช.กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคดังกล่าวแล้ว แต่พร้อมรับการตรวจสอบเรื่องนี้ หากพบว่มีคุณสมบัติขัดต่อการเป็น สนช.จริงพร้อมที่จะหยุดปฏิบัติหน้าที่และกลับไปเป็นลุงอยู่ที่บ้าน แต่ขณะนี้เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น สนช.ตนต้องปฏิบัติตามขั้นตอนคือไปรายงานตัวต่อวุฒิสภา
“จุฬาราชมนตรี”ส่อหลุดอีกคน
ข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับผู้ที่คาดว่าจะขาดคุณสมบัติความเป็น สนช.อีกคนคือ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ที่เข้าข่ายดังกล่าวเช่นกัน เนื่องจาก พรบ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 มีบทบัญญัติถึงคุณสมบัติของจุฬาราชมนตรีว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามอย่างไรบ้าง ซึ่งมาตรา7 (10) ระบุว่า จุฬาราชมนตรีต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้นหาก นายอาศิส จะดำรงตำแหน่งสมาชิก สนช.คงต้องลาออกจากตำแหน่งจุฬาราชมนตรี
จ่อส่งหนังสือไม่ขอรับตำแหน่ง
แหล่งข่าวคนใกล้ชิด นายอาศิส เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันหลังจาก นายอาศิส ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิก สนช.นั้น นายอาศิส ได้ตัดสินใจว่า จะทำหนังสือแจ้งไปยัง คสช. ภายใน 1-2 วันนี้ เพื่ออธิบายเหตุผลในการไม่ขอรับตำแหน่ง สนช.เนื่องจากตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุด จึงไม่เหมาะสมหากไปรับตำแหน่งดังกล่าว
“อำพน”ชี้อำนาจรัฐสภาท่านั้น
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิก สนช.กล่าวถึงกรณี พล.อ.ธวัชชัย สุมทรสาคร ส่อคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ ว่า การตรวจสอบรับรองคุณสมบัติผู้มาดำรงตำแหน่งสมาชิก สนช.เป็นหน้าที่รัฐสภา หลังมีการรายงานตัว ซึ่งผู้ได้รับแต่งตั้งจะต้องกรอกคุณสมบัติ จากนั้นทางรัฐสภาจะตรวจสอบคุณสมบัติ
“ในส่วนของผมมีหน้าที่เพียงนำความกราบขึ้นบังคมทูลเท่านั้น ไม่ได้ให้กรองคุณสมบัติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯเช่นเดียวกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้ระบุเป็นหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ในการตรวจสอบคุณสมบัติ แต่เป็นหน้าที่ของสภาฯโดยตรง”นายอำพน กล่าว
ตท.12เชียร์'บิ๊กตู่'นั่งนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการซาวด์เสียงของสนช.บางส่วนเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฏว่าส่วนใหญ่เชียร์พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และสมาชิก สนช. ซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหาร12 (ตท.12) ก็ออกมากล่าวสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มที่
รับประกันความซื่อสัตย์1000%
“จากการพูดคุยกันในหลายๆครั้งต่างเห็นพ้องร่วมกันที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนาทีนี้คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้เชื่อมั่นได้ว่า คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องดูแลรักษาสถาบันชาติ ดูแลพี่น้องประชาชนด้วยชีวิต โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตแล้ว ขอยืนยันได้ 1000 %ว่า เพื่อนคนนี้ ไม่เคยแม้แต่จะคิดเรื่องทุจริตคอร์รัปชันเพราะเราเติบโตในชีวิตรับราชการมาด้วยกันย่อมรู้ดีว่าเป็นคนอย่างไร”พล.อ.ธวัชชัย กล่าว
“พล.อ.สมเจตน์”หนุนอีกแรง
เช่นเดียวกับ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีต สว.กล่าวหลังได้รับการโปรดเกล้าฯเป็น สนช.ว่า ไม่คิดว่าจะได้รับการเสนอชื่อ เพราะจุดมุ่งหมายการทำหน้าที่ต่างกัน สำหรับการทำงานต่อจากนี้ต้องดูว่า ทิศทางการทำงานของ สนช.จะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าไม่เหมือนในอดีตที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร เนื่องจากจุดมุ่งหมายครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุขตามเป้าหมายของ คสช.เราต้องให้โอกาสเขาทำงานพิสูจน์ผลงาน เมื่อถามว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯหรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ก่อนปฏิวัติเขาทำอะไรไว้เยอะ เตรียมความพร้อมมาอย่างดีทุกเรื่อง ดังนั้น ต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะเป็นนายกฯมีความเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ และเชื่อว่า สมาชิกสนช.พร้อมให้การสนับสนุนทุกคน
“คนที่ทำการปฏิวัติฯแล้วไม่เอาอำนาจไว้ก็จะไม่เป็นไปตามที่เราตั้งใจ เพราะจะดีหรือไม่ดี ก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว จะไปโทษใครไม่ได้ หรือถ้าไม่เป็นนายกฯแล้วให้คนอื่นเป็นตัวเองก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี ฉะนั้นเป็นนายกฯเองไม่ดีกว่าหรือ รับผิดชอบไปเลยคนเดียว ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่มีความสามารถ มีความตั้งใจจริงที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่จุดหมายที่คนไทยต้องการได้อย่างแน่นอน”พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
“วิษณุ”ยันตั้งสนช.เพื่อเร่งออกกม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายกฎหมาย กล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง สนช.ว่า ตนไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรไม่ได้ คงต้องให้คนภายนอกเป็นผู้วิจารณ์ การที่ คสช.ตั้ง สนช.มีจุดประสงค์เพื่อต้องการให้เข้ามาผลักดันกฎหมายที่สำคัญๆที่ค้างการพิจารณามาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว การตั้ง สนช.ก็เพื่อให้การพิจารณากฎหมายเป็นไปด้วยความราบรื่น คงไม่เอาบุคคลไหนเข้ามาแล้วทำให้มีปัญหาพิจารณากฎหมายและเมื่อมีการประชุมสภาฯแล้วก็จะมีการโหวตเลือกประธาน สนช.ส่วนจะเป็น นายพรเพชร วิชิตชลชัย สมาชิก สนช.หรือไม่ ตามที่เป็นข่าวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุม สนช.ส่วนการแต่งตั้งนายกฯทันทีหลังโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธาน สนช.ลงมาแล้ว จะหารือกำหนดระเบียบวาระต่างๆหลังจากนั้นต้องรีบโหวตหานายกฯเพื่อให้ประธาน สนช.ได้นำชื่อทูลเกล้าฯ
เผยไม่ขอรับตำแหน่งไหนทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะแต่งตั้งนายกฯในระหว่างที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อและได้รับการโหวตให้เป็นนายกฯยังไม่เกษียณอายุราชการ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีทั้งตำแหน่ง ผบ.ทบ.และหัวหน้า คสช.และถ้าจะเป็นนายกฯก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ไม่มีอะไรติดขัด
ส่วนตนจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรองนายกฯ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)หรือประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญและถ้ามีการมาทาบทามหรือมาถามตนคงบอกว่า ไม่พร้อม เพราะมีปัญหาสุขภาพ เพราะการเข้าไปทำงานในทุกตำแหน่งที่กล่าวมา เป็นงานที่หนักทั้งนั้น อย่างการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลา 4 เดือน ตนต้องห่วงสุขภาพตัวเองก่อน แต่ตนก็ยังมีส่วนช่วยดูในเรื่องของกฎหมายต่างๆ
“สุรชัย”แทงกั๊กชิงเก้าอี้ปธ.สนช.
บ่ายวันเดียวกัน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เดินทางเข้ารายงานตัวเป็น สนช.โดยหลังรายงานตัว นายสุรชัย ให้สัมภาษณ์กรณีมีรายชื่อเป็นหนึ่งในคู่แข่งชิงตำแหน่งประธาน สนช.ว่า บุคคลอื่นมีความสามารถมากกว่าตน แต่ถ้าเพื่อนสมาชิกลงคะแนนให้ก็พร้อมทำหน้าที่ เชื่อว่าการลงคะแนนเลือกประธาน สนช.น่าจะเป็นไปอย่างอิสระ ซึ่งตำแหน่งประธานไม่จำเป็นต้องเป็นทหารก็ได้แต่ขอให้เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะสานต่อแนวทางของ คสช.ไปสู่โร้ดแมประยะที่3และเข้าใจการบริหารงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเคยผ่านงานสภามาก่อน เพราะสามารถที่จะเรียนรู้ได้
สรุปรายงานตัววันแรก34ราย
กระทั่งเวลา 16.30น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็น สนช.มารายงานตัวทั้งหมด 34ราย คือ 1.นายตวง อันทะไชย 2 นายศิระชัย โชติรัตน์ 3.พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต 4.พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ 5.พล.ท.สุวโรจน์ ทิพย์มงคล 6.พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ 7.พล.อ.อักษา เกิดผล 8.พล.ท.กิตติ อินทสร 9.นายประมุข สูตะบุตร 10.นายภาณุ อุทัยรัตน์ 11.นายวัลภล ตังคณานุรักษ์ 12.พล.ท.สุชาติ หนองบัว 13.พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย 14.พล.อ.สกล ชื่นตระกูล 15.นางนิพัทธ อมรรัตนเมธา 16.พล.อ.อ.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ 17.พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์
18. พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ 19.นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย 20.พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ 21.พล.ท.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข 22.พล.อ.ไตรรัตน์ รังคะรัตน์ 23.นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล 24.นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ 25.พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร 26.นายสมพร เทพสิทธา 27.นายสมพล เกียรไพบูลย์ 28. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย 29.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์30.นายยุทธนา ทัพเจริญ 31.พล.ท.ภาณุวัชร นาควงษม์ 32.นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ33.นายมณเฑียร บุญตันและ34.นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล อดีต สว.สรรหา มารายงานตัวเป็นคนสุดท้ายของการรายงานตัววันแรก
“พรเพชร”เต็งจ๋านั่งแท่นประธาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรายชื่อ สนช.ทั้ง 200คน แคนดิเดทประธาน สนช.คงหนีไม่พ้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้ตรวจการแผ่นดินและที่ปรึกษาหัวหน้า คสช. ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ขณะที่รองประธาน สนช.2คน น่าจะวางตัว นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตสว.ที่เคยทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภามาก่อนและรองประธานสนช.อีก 1คน คาดว่าน่าจะเป็นผู้หญิง
“นรนิติ-สมคิด-พรทิพย์”โผยกร่าง
ส่วน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 36คน ซึ่งมีที่มา คือ 1.ประธานกรรมาธิการตามที่ คสช. เสนอ 2.กรรมาธิการจำนวน 20คน ตามที่ สปช.เสนอ และ3.กรรมาธิการตามที่ สนช. ครม.และคสช. เสนอฝ่ายละ 5คนนั้น ในส่วนของตัวแทนสนช.บุคคลที่มีคาดว่า มีคุณสมบัติที่จะเป็นตัวแทนในกมธ.ยกร่าง 5คน ได้แก่ นายนรนิติ เศรษฐบุตรอดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ปี2550 ,นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ อดีต สสร.และเลขานุการ กมธ.ยกร่างปี2550,นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ,นางพรทิพย์ จาละ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและนพ.เจตต์ ศิรธรานนท์ (กลุ่ม40สว.) เป็นต้น
ย้ำคสช.ไม่ใช่รบ.เตรียมลดบทบาท
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขานุการ คสช.เป็นประธานการประชุมการปฏิบัติงานของฝ่ายต่างๆในคสช.โดยที่ประชุมได้รับทราบการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆหลังมีพระบรมโปรดเกล้าฯแต่งตั้งสมาชิก สนช.200คน
โดย พล.อ.อุดมเดช ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมดำเนินการตามกรอบปฏิทินของ สนช.โดยขอให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เร่งดำเนินการจัดทำร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลให้เสร็จสิ้นและส่งให้ คสช.ภายในวันที่ 15สิงหาคมนี้ รวมถึงให้สำนักงบประมาณจัดทำร่างคำชี้แจงงบ2558ที่ คสช.จะต้องชี้แจงต่อ สนช.ให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยทำความเข้าใจกับสังคมว่า คสช.ไม่ใช่รัฐบาล แต่จะทำงานคู่ขนานกัน หลังจากนี้โครงสร้าง คสช.จะลดขนาดลงเพื่อให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานควบคู่กับรัฐบาล จึงให้แต่ละฝ่ายเร่งสรุปผลงานส่งให้สำนักงานเลขานุการ คสช.เพื่อเตรียมส่งข้อมูลให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้
คาดตั้งกก.สรรหาสปช.13สค.
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหลังพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)พ.ศ.2557 มีผลบังคับใช้ ว่า จากนี้ต้องรอให้ คสช.ออกประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่มาจาก 2ส่วน คือ คณะกรรมการสรรหาใน 11 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิที่ คสช.เห็นว่าเหมาะสม ด้านละ7คนและคณะกรรมการสรรหาในส่วนจังหวัดๆละ1คณะ คาดว่า คสช.จะออกประกาศแต่งตั้งวันที่ 13สิงหาคมนี้ จากนั้น กกต.จะออกประกาศให้องค์กร หรือนิติบุคคล ไม่แสวงหาประโยชน์หรือผลกำไรเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาใน 20วัน ช่วงวันที่ 14สิงหาคมถึง 2กันยายน เมื่อได้รายชื่อแล้ว กกต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจคุณสมบัติและส่งรายชื่อให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการคัดเลือกให้เหลือด้านละ 50คน จากนั้นคาดว่าหลังวันที่ 22กันยายน จะส่งรายชื่อให้ คสช.คัดเลือกผู้เหมาะสมและภายในวันที่ 2ตุลาคม จะสามารถประกาศรายชื่อสมาชิก สปช.และนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ได้
ส่ง"วิชา-ภักดี"ร่วมทำงานสปช.
ด้าน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวถึงการเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในส่วนของปปช.ว่า ปปช.พยายามผลักดันเรื่องการปฏิรูป ทั้งเรื่องปฏิรูปยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและกฎหมาย หากปปช.ได้รับการประสานมาจะต้องมีการพิจารณากันในที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ว่า จะเสนอชื่อใคร อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าบุคคลที่เหมาะสมด้านกฎหมายคือ นายวิชา มหาคุณ กรรมการปปช.ส่วนด้านยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคือ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ปปช.
ขณะที่ นายภักดี กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ถ้าจะมีการเสนอรายชื่อบุคคลจะต้องเป็นการเสนอในนามของคณะกรรมการปปช."ไม่ใช่ว่าผมอยากเป็น แต่หากคณะกรรมการป.ป.ช.มีความเห็นสมควร ผมก็ต้องพร้อมปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว จะปฏิเสธได้อย่างไร"
เตรียมให้สนช.ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ปปช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี สนช.จะต้องยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อปปช.หรือไม่ว่า ปปช.ต้องรอให้ฝ่ายเลขาธิการสนช.ส่งเรื่องมาเพื่อสอบถามความชัดเจนจากทางปปช.ก่อน จากนั้นคณะกรรมการปปช.จะประชุมเพื่อลงมติให้ความเห็นต่อไป โดยเมื่อปี2549 สมาชิก สนช.จะต้องยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ดังนั้นฝ่ายกฎหมายของปปช.ต้องนำรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี2549 มาเทียบเคียงกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี2557 เพื่อความถูกต้องแ ก่อนจะให้ความเห็นต่อที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ว่า เห็นควรจะมีมติอย่างไร แล้วจึงแจ้งกลับไปยังสำนักงานเลขาธิการ สนช.
คสช.เปิดช่องการเมืองเสนอสปช.
ค่ำวันเดียวกัน คสช.ออกประกาศฉบับที่119 เรื่องระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช.(สภาปฎิรูปแห่งชาติ) โดยการเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการสรรหาเป็น สปช.ต้องให้นิติบุคคล ซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกันเป็นผู้เสนอชื่อ และกรณีบุคคลที่เป็นพรรคการเมือง ต้องการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.จะต้องให้หัวหน้าพรรคการเมืองเป็นผู้เสนอชื่อ โดยให้ระเบียบนี้ มีผลบังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
“บิ๊กตู่”ย้ำกันยายนมีรัฐบาลแน่
เวลา 20.30น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ได้ชี้แจงออกอากาศในรายการ”คืนความสุขให้คนในชาติ”ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยเป็นกล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง พร้อมกับย้ำถึงการเข้าสู่โรดแมประยะที่สองหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว และโปรดเกล้าฯ สนช.จำนวน 200 คน โดยย้ำว่าเดือนกันยายนนี้ เราจะมีรัฐบาลเฉพาะกาลที่มีมีอำนาจเต็มบริหารราชการแผ่นดินแน่นอน
ย้ำตั้งสนช.เพื่อให้กลไกเดินหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งสนช.ด้วยว่า มีการต่อว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ทำไมกลุ่มนี้มาก กลุ่มนี้น้อย ก็วันนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่หรือ วันนี้เราจะแก้ปัญหาการปฏิรูปไม่ได้มาจากการเลือกตั้งประชาธิปไตย100% อยู่แล้ว เราต้องการทำอย่างไรให้กลไกเดินไปข้างหน้าได้ เราไม่ใช่ สส.เราไม่ใช่นักการเมือง เราเป็นทหารและเป็นข้าราชการ เป็นประชาชนอีกส่วนหนึ่ง
ขอเวลาในการพิสูจน์ผลงาน
“ดูก่อนว่าเขาจะมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ อย่าไปดูบุคคลนี้ บุคคลนั้น ไม่มีใครดีที่สุด เอาดีมากกว่าไม่ดี ถ้ามองแต่เรื่องไม่ดีไม่ต้องคบใครหรอก ขอให้ดูผลงานที่จะเกิดขึ้น การบริหารของเรา สิ่งต่างๆที่เราจะทำจะเป็นสิ่งที่ประชาธิปไตยที่ผ่านมาทำไม่ได้ กฏหมายบางอย่างออกไม่ได้เป็น 10-20ปี บางอย่างไม่ทันสมัย บ างอย่างเป็นข้อตกลงที่ทำไม่ได้ เพราะมีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งสิ้น แต่ต่อไปนี้ต้องลดหรือเลิกเรื่องเหล่านี้”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ไม่ใช่โควต้า-แค่ให้เสนอชื่อมา
และว่าการที่ สนช.กำหนดมา 200คน ไม่ใช่ระบบโควต้า ตนไม่อยากให้ใช้คำว่าโควต้า เป็นการให้ทุกพวกทุกฝ่ายเสนอชื่อมา ถ้าไม่บอกว่า เสนอมา 10คน 20คน มาคัดเลือกกัน ก็จะเสนอมาเป็นพันคน ผมถึงบอกว่าตรงนี้เสนอมา20 30 40 ทั้งหมดก็มาคัดกัน ไม่ใช้คำว่าโควต้า ให้เสนอมาเพื่อพิจารณาได้เท่าไหร่ไม่รู้ เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะต้องพิจารณาในภาพรวม จะมีทหารมากน้อยก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็นห้วงที่ไม่ปกติ ถ้าปกติก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม
เปิดรับเสนอชื่อสมาชิกสปช.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)นั้น คัดมาจาก550 เหลือ173และคัดมาจาก 5คนในแต่ละจังหวัดให้เหลือจังหวัดละ1คน เป็น 73คน ทั้งหมดคือ 173 บวก77จังหวัด เป็น250 คือยอดของสมาชิกสภาปฏิรูป จึงขอให้ทุกคนเตรียมการให้พร้อมในการเข้ามาช่วยกันทำงานปฏิรูป โดยในวันที่ 9 สิงหาคม จะมีการเปิดแนะนำขั้นตอนที่สโมสรกองทัพบกวิภาวดีรังสิต อยากขอเชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี