19 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ตส่วนตัว "Abhisit Vejjajiva" โดยระบุว่า "งบประมาณปี 58 กับการบริหารเศรษฐกิจ"
เมื่อวานนี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีสมาชิกอภิปรายทั้งสิ้น 17 คน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่ได้อภิปรายในประเด็นปัญหาหรือนโยบายในด้านที่ตนเองสนใจ
พระราชบัญญัติงบประมาณฯ เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ ไม่เพียงเฉพาะในแง่การจัดสรรเงินภาษีของประชาชนเพื่อการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจด้วย ผมจึงอยากชี้ประเด็นในเชิงการบริหารเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของ สนช.ต่อไป
โครงสร้างของงบประมาณปี 58 ไม่แตกต่างจากโครงสร้างงบประมาณหลายปีที่ผ่านมา คือเป็นงบประมาณในลักษณะขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอยู่ในระดับที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาหนี้สาธารณะ แม้แต่สัดส่วนงบประมาณเป็นรายกระทรวงในปีนี้ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากเดิมมากมายนัก
แต่ปัญหาสำคัญที่งบประมาณปี 58 ต้องเผชิญ คือ ภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากโครงการประชานิยมเดิม ซึ่งยังเป็นภาระค่าใช้จ่ายต่องบประมาณในปีนี้ โดยไม่มีประโยชน์เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้นต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น งบประมาณในโครงการจำนำข้าว ซึ่งปีนี้ตั้งไว้กว่า 71,000 ล้านบาท เพื่อชดใช้หนี้ ธกส. งบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังอีกเกือบ 42,000 ล้านบาท ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการชดใช้เงินคงคลังจากโครงการรถคันแรก เป็นต้น จะเห็นได้ว่า มีงบประมาณ กว่า 1 แสนล้านบาท ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทางเศรษฐกิจเลย ที่น่าเป็นห่วงคือ คสช.ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำโครงการแทรกแซงราคาพืชผล รวมทั้งไม่จัดงบประมาณให้หลายโครงการ เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งจะทำให้เกิดการหยุดชะงักของการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในชนบท ซึ่งในขณะนี้ประสบกับปัญหากำลังซื้ออยู่แล้ว จากราคาพืชผลที่ตกต่ำ เช่น ราคาข้าว ราคายาง ทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจยากที่จะเพิ่มขึ้น เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานก็ยังไม่มีความชัดเจนในพระราชบัญญัติงบประมาณฯ ฉบับนี้
ผมจึงเห็นว่าการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ควรจะครอบคลุมประเด็นดังต่อไปนี้
1.ประเมินภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากโครงการเก่าๆ ให้ชัดเจน เพื่อตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการบริหารทางการเงินการคลังในระยะกลาง ว่าศักยภาพของการใช้จ่ายของรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจมีมากน้อยเพียงใด
2.ปรับลดงบประมาณในโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ ประมาณ 10 - 20% ตามที่หัวหน้า คสช.ได้ยืนยันว่าน่าจะสามารถกระทำได้ จากการขจัดปัญหาการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ
3.นำงบประมาณที่ปรับลดได้มาจัดสรรในโครงการที่จะช่วยเหลือเศรษฐกิจในชนบท โดยปรับปรุงโครงการหลายโครงการที่เคยดำเนินการในอดีต เช่น โครงการประกันรายได้ เพิ่มเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับพื้นฐาน และนำวงเงินที่ปรับลดได้อีกบางส่วน สนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในเรื่องน้ำ และระบบคมนาคมขนส่ง โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินนอกงบประมาณ หากรายละเอียดโครงการยังไม่พร้อม ก็อาจจัดทำในรูปของงบประมาณกลางปีได้
สำหรับการพิจารณารายละเอียดของโครงการต่างๆ นั้น อยากให้การทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นไปโดยเปิดเผยและโปร่งใสมากที่สุด เนื่องจากมีเวลาจำกัดในการพิจารณาวงเงินมหาศาล เพราะการใช้จ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ และโปร่งใสเท่านั้น จะทำให้เกิดความมั่นคงในทางเศรษฐกิจและการเมืองในระยะที่สองของโรดแมป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี