21 ส.ค.57 ประเทศไทยเข้าสู่การบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ภายหลังที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาผู้ที่สมควรได้รับการแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 โดยที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวเนื่อง : 'ตวง'เสนอชื่อ'ประยุทธ์'นั่งนายกฯ ลงมติเอกฉันท์191เสียงเห็นชอบ
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.) ในการประกาศกฏอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2557 และรัฐประหาร ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 หลังการหารือกับตัวแทน 7 ฝ่ายไม่เป็นผล ต่อมา คสช.มีประกาศให้อำนาจของนายกรัฐมนตรีเป็นของเขา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2557 ตอนหนึ่งว่า "ตนเรียนท่านแล้วทุกวันนี้ เราทำกฎกลไกของรัฐปกติ ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน ผมไม่เห็นจะยากตรงไหน ในการที่จะบริหารให้คนทำงาน แต่จะก้าวหน้าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง"
พล.อ.ประยุทธ์ เกิดเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2497 ที่ จ.นครราชสีมา เป็นบุตรชายของ พ.อ. (พิเศษ) ประพัฒน์ กับเข็มเพชร จันทร์โอชา มีชื่อเล่นว่า "ตู่" สื่อมวลชนนิยมเรียกว่า "บิ๊กตู่" เป็นบุตรชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมดสี่คน หนึ่งในน้องชายคือ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3
พล.อ.ประยุทธ์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนสหะกิจวิทยา จ.ลพบุรี ต่อมาได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยใน จ.เดียวกัน แต่เรียนได้เพียงปีเดียวก็ลาออกเนื่องด้วยบิดาเป็นนายทหารจำต้องโยกย้ายไปในหลายจังหวัด เขาจึงเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพมหานคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภายหลังได้เข้าเรียนเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) และเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23
พล.อ.ประยุทธ์ มีอุปนิสัยที่เงียบขรึม ด้วยความที่เป็นพี่ชายคนโตจึงต้องทำตัวเป็นพี่ที่ดี ในวัยเยาว์เขาเป็นคนเรียนเก่งมีความถนัดและความชอบในวิชาคณิตศาสตร์ , ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ จากการสนับสนุนของบิดามารดา ชีวิตส่วนตัวสมรสกับ รศ.นราพร จันทร์โอชา อดีตอาจารย์ประจำสถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พล.อ.ประยุทธ์ เข้ารับราชการทหารอยู่ที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ "ทหารเสือราชีนี" มาโดยตลอด โดยเริ่มมาจากตำแหน่งผู้บังคับการกองพัน จนถึงผู้บังคับการกรม จากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และรับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1
ในรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งขณะนั้นมียศเป็น "พลตรี" ก็เป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการยึดอำนาจด้วยรับคำสั่งตรงจาก พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 หลังจากนั้นเมื่อ พล.ท.อนุพงษ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและเลื่อนชั้นยศเป็น "พลเอก" พล.ต.ประยุทธ์ ก็ได้เลื่อนชั้นยศขึ้นเป็น "พลโท" และรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่มีความสนิทสนมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นอย่างมาก ด้วยความเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาตลอดในกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ นับถือ พล.อ.อนุพงษ์ เสมือนพี่และอาจารย์คนหนึ่งของตน โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่มีบุคลิกที่อ่อนนุ่มโดยมักติดคำว่า "นะจ๊ะ" ต่อท้ายการพูด จึงได้รับอีกชื่อหนึ่งจากสื่อมวลชนว่า "ตู่นะจ๊ะ"
พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 2 ก.ย.2551 ถึง 14 ก.ย.2551 และรับตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2553 พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ต่อจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค.2553 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2553 เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2553 ถึง 22 ธ.ค.2554 และเป็นหนึ่งในคณะดำเนินคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา พ.ศ.2554
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี