ป่วยโรคปอด-หามผ่าตัด
‘อภิวันท์’โคม่า
นปช.วอนเลิกล่าคดีหมิ่น
ปล่อยให้นอนรักษาตัวก่อน
แฉตอนนี้ลี้ภัยอยู่ฟิลิปปินส์
ญาติพี่น้องรวบรวมเงินช่วย
‘บิ๊กตู่’ย้ำยึดแนวศก.พอเพียง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช.ชุดใหญ่ครั้งที่ 12 โดยมีรองหัวหน้า คสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนประชุมว่า แม้จะรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา43 วรรค2 ที่ระบุไว้ว่า ก่อนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญจะเข้ารับหน้าที่ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของนายกฯและครม.เป็นอำนาจของหัวหน้า คสช. ดังนั้นการลงนามในเอกสารต่างๆยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมจนกว่าจะนำ ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว
กฎอัยการศึกจะใช้เท่าที่จำเป็น
ทั้งนี้ ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานบอร์ดทุกชุดตามคำสั่ง คสช.เหมือนเช่นที่ผ่านมาและจากนี้ คสช.จะใช้อำนาจเท่าที่จำเป็นในเรื่องความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักและขอให้ทุกกองกำลังปฏิบัติงานด้วยความละมุนละม่อม การบังคับใช้กฎหมายจะเน้นใช้กฎหมายปกติ ส่วนกฎอัยการศึกจะใช้เมื่อมีความจำเป็นและอยากให้ทุกฝ่ายได้ยึดมั่นและปฎิบัติตามแนวทางการทำงานที่ตนได้กล่าวไว้ในพิธีสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ภายหลังจากรับพระบรมราชโองการโประเกล้าฯ ทั้งเรื่องตรวจสอบการทุจริต การบริหารราชการแต่ละด้านที่ยังมีปัญหา รวมถึงเรื่องการแก้ปัญหาเร่งด่วนในแต่ละด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เช่น เรื่องยางพารา การช่วยเหลือสินค้าเกษตรและปัญหาสังคม เป็นต้น
ยึดศก.พอเพียง-พระราชดำรัส
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)นั้น จะเน้นให้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯไปปฏิบัติควบคู่กับทำการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ การจัดพื้นที่เกษตรกรรม การแก้ไขปัญหาสินค้า การฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ การปรับโครงสร้างภาษี การปรับโครงสร้างพลังงาน นอกจากนี้ในการวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาหรือขับเคลื่อนประเทศด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ นั้นไม่ใช่การป้องกันไม่ให้แรงงานเข้ามาในพื้นที่ แต่เป็นการตั้งพื้นที่เขตอุตสาหกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่การค้าขาย เพื่อลดปัญหาด้านแรงงาน การขนส่ง เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกรณีที่มีผู้แอบอ้างได้โควตาจาก คสช.ในเรื่องของน้ำ พลังงานโซลาร์เซลล์ ยืนยันว่า คสช.ไม่มีโควตาใด ๆ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง หากมีข้อสงสัยเเจ้งมายัง คสช.โดยตรง
ปนัดดาชี้เข้าทำเนียบหลังมีครม.
ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลหลัง พล.อ.ประยุทธ์ รับสนองพระบรมราชโองการเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯอย่างเป็นทางการว่า กรอบเวลาของทุกอาคารจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31สิงหาคม หรืออาจยืดหยุ่นเล็กน้อย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้กล่าวถึงการเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลว่า จะมาเมื่อไหร่ แต่คิดว่าเมื่อมีครม.คงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเข้ามานั่งทำงานในทำเนียบฯและยืนยันว่า ตนไม่ได้รับการติดต่อทาบทามให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
น้ำตาคลอเบ้า-ปลัดฯให้กำลังใจ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มตัวแทนคณะกรรมการสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอท.) กว่า 10คน นำโดยว่าที่ร.ต.เรวัต เครือบุดดีมหาโชค ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอฯเข้าพบ ม.ล.ปนัดดา พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจการทำงาน หลังจากกลุ่มสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บางส่วนไม่พอใจการโพสต์ข้อความในเฟซบุกที่ระบุว่า มี อบจ.บางคนทำตัวหรูหรา นั่งเครื่องบินเฟิร์สคลาสและดื่มไวน์ขวดละแสน โดย ม.ล.ปนัดดา ได้กล่าวขอบคุณและกล่าวว่า จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาความถูกต้องในบทบาทหน้าที่ปัจจุบันและจะไม่ลืมคำมั่นสัญญาที่เราจะช่วยดูแลชาติบ้านเมืองให้ปลอดภัยในทุกด้าน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ ม.ล.ปนัดดา กล่าวขอบคุณคณะกรรมการสหพันธ์ปลัดอำเภอฯที่มาให้กำลังใจปรากฎว่า มีเสียงสะอื้นในลำคอและน้ำตาคลอเบ้าเป็นระยะๆ ทำให้บรรยากาศในห้องดูเงียบและเศร้าตามไปด้วย
เลิก3ทุนหมุนเวียน-คุมเข้มพระ
เวลา15.00น.น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณะทำงานทีมโฆษก คสช.แถลงผลประชุม คสช.ว่า ที่ประชุมอนุมัติยกเลิกทุนหมุนเวียน 3รายการ ประกอบด้วย โรงงานฟอกหนัง ข่าวสารการพาณิชย์และโครงการผลิตถ่านหินเป็นพลังงานทดแทนภายในปีงบประมาณ2557 โดยให้ช่วยเหลือเยียวยาบุคคลากรตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ส่วนกฏหมายอีกฉบับที่เห็นชอบส่ง สนช.พิจารณาคือ กฏหมายใช้ดูแลและแก้ปัญหาพระพุทธศานา เป็นร่างพรบ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่กำหนดให้รัฐอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตามแนวทางที่กำหนด ร่างพรบ.ดังกล่าวยังกำหนดโทษผู้กระทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา เช่น การเสพเมถุน ต้องจำคุก1-7 ปี รวมถึงผู้ร่วมกระทำผิด หรื่อผู้ให้สนับสนุนก็ให้ระวางโทษเช่นเดียวกัน
ผช.ผบ.ทบ.ดอดอวยพร“ป๋าเปรม”
สำหรับความเคลื่อนไหวที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้มีสื่อมวลชนมาติดตามความเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 26สิงหาคม เนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 94ปี แต่ในปีนี้ ไม่เปิดบ้านให้คณะบุคคลเข้าพบอวยพร อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรม ยังอยู่ในบ้านพัก อย่างไรก็ตาม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชากองทัพไทยและเหล่าทัพ ได้ส่งเลขานุการของแต่ละเหล่าทัพ ทยอยเข้ามอบกระเช้าดอกไม้อวยพรแทน รวมถึงกระเช้าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากนั้น เวลา 14.00น.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ.ได้เดินทางมาด้วยรถยนตร์ประจำตำแหน่งและเข้าไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อเข้าอวยพร พล.อ.เปรม เป็นการส่วนตัว โดยใช้เวลา 20นาที ก่อนเดินทางกลับ
เปิดบัญชีพงศ์เทพรวย3พันล.
วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1ปี เมื่อวันที่ 29มิถุนายน ซึ่งมีรัฐมนตรี 13คน 14ตำแหน่ง คือร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯและคู่สมรส มีทรัพย์สิน171,091,417บาท ไม่มีหนี้สิน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 3,014,921,942บาท นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน16,626,357บาท นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน14,008,686บาท
“ชัจจ์”ทรัพย์สินลดลง482ล้าน
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯและคู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน122,126,233บาท น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 56,706,369บาท พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรมช.มหาดไทย และคู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน619,209,980บาท เมื่อเทียบกับที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯหลังพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 30มิ.ย.56มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน1,101,746,212บาทพบว่า พล.ต.ท.ชัจจ์และคู่สมรสมีทรัพย์สินและหนี้สินลดลง 482,536,232บาท นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ และคู่สมรส มีทรัพย์สิน 42,809,959บาท ไม่มีหนี้สิน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น36,658,700บาทและนายฐานิสร์ เทียนทอง อดีต รมช.อุตสาหกรรม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 46,108,671บาท
“สมชัย”ยื่นชื่อสรรหาสปช.แล้ว
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านบริหารการเลือกตั้ง สมัครเข้ารับสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฎิรูปการเมือง (สปช.) ด้านการเมือง โดยมีสำนักงานกกต.เป็นนิติบุคคลผู้เสนอชื่อ ส่วนจะได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 50 รายชื่อที่จะเสนอต่อคสช.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการสรรหาด้านการเมืองทั้ง 7คน
“อภิวันท์”ป่วยหนักหามส่งไอซียู
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่า หลังจากศาลอาญาอนุมัติหมายจับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำ นปช.ในความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 กรณีขึ้นปราศรัยเวที นปช.กล่าวพาดพิงสถาบันฯในท้องที่ สน.ชนะสงคราม ล่าสุด พ.อ.อภิวันท์ ซึ่งไปอยู่ที่ประเทศแห่งหนึ่งแถบเอเชีย มีอาการป่วยค่อนข้างหนัก ปอดบวม เป็นแผลที่ปอด ไอเป็นเลือด ทำให้มีอาการช็อก ต้องนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา โดยมีหน่วยงานยูเอ็นเอชซีอาร์ขององค์การสหประชาชาติ เข้ามาให้การดูแลเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองระหว่างการรักษา ขณะนี้อาการยังน่าเป็นห่วง ยังอยู่ห้องไอซียูและต้องได้รับการผ่าตัด ทั้งนี้สมาชิก นปช.ที่ทราบข่าว ต่างกังวลใจและเห็นว่า คสช.ควรยุติกดดันตามล่าตัว พ.อ.อภิวันท์ ควรปล่อยให้ทำการรักษาตัวเสียก่อน
อยากให้แนวร่วมช่วยเรื่องเงิน
แหล่งข่าวใกล้ชิดรายงานว่า อาการของ พ.อ.อภิวันท์ มีอาการโดยรวมดีขึ้นแล้ว โดยผลการผ่าตัดร่างกายสามารถตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะได้อย่างดี ไตและสมอง ทำงานได้ดี ส่วนหัวใจและ ปอด ยังคงต้องเฝ้าระวัง อยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้รักษาอย่างใกล้ชิด โดยยอมรับว่า สมาชิกครอบครัวอยู่ในสภาวะเครียดมาก ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะมีพี่น้องที่รู้จักกันให้ความช่วยเหลือในนามส่วนตัวบ้าง หากไม่รู้จะแสดงน้ำใจอย่างไร อยากให้รวบรวมเงินช่วยเหลือคนละเล็กคนละน้อย
ปล่อยตัว”วีระพร้อมพวก”แล้ว
เย็นวันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมสารวัตรทหาร เข้าพบ พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อเบิกตัว นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น พร้อมพวกรวม 8คน ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.ตามอำนาจ พรบ.กฎอัยการศึก เพื่อซักถามและปรับทัศนคติ รายงานข่าวแจ้งว่า ทางทหารได้พิจารณาปล่อยตัว นายวีระ กับพวก ในวันที่ 27สิงหาคมนี้ เวลา 08.00น.โดยจะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะส่งตัวไปยังสโมสรทหารบก อย่างไรก็ดี เนื่องจากมีการพูดคุยปรับทัศนคติกันจนเป็นที่เข้าใจแล้ว โดย นายวีระกับพวก ต่างรับปากว่า จะไม่เคลื่อนไหวด้วยวิธีเดินเท้าไปตามท้องถนนอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี