'มาร์ค'ข้องใจลดเบนซินเพิ่มดีเซล ย้ำต้องขายก๊าซหุงต้มราคาต้นทุน
วันศุกร์ ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557, 13.53 น.
Tag :
29 ส.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินลง แต่กลับไปเพิ่มภาษีน้ำมันดีเซลว่า ตนแปลกใจกับการตัดสินใจเรื่องนี้ แม้ว่าประชาชนจะพอใจ แต่ตนยังเป็นห่วงเพราะน้ำมันเบนซิน 95 คนใช้น้อย และไม่ใช่น้ำมันที่รัฐจะมาสนับสนุน จึงทำให้ที่ผ่านมาจึงมีการเก็บภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันในอัตราที่สูงมาตลอด เมื่อลดภาษีสรรพสามิตและเงินที่จะเข้ากองทุนฯในน้ำมันเบนซิน 95 ลง รายได้รัฐก็จะลดลง จะกระทบต่อฐานราคาน้ำมันเบนซินให้ลดลงไปใกล้เคียงกับแก็สโซฮอลล์ ก่อให้เกิดแรงจูงใจประชาชนไปใช้เบนซินมากกว่าแก๊สโซฮอลล์ ทั้งนี้รัฐบาลและ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต้องกลับไปตัดสินใจอีกหลายเรื่องรวมทั้งโครงสร้างราคาทั้งหมด ส่วนนโยบายของ คสช.จะถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ใช้น้ำมันดีเซลหรือไม่นั้น ตนไม่อยากให้เก็บภาษีน้ำมันดีเซลเพราะขณะนี้ราคาอยู่ใกล้เพดาน 30 บาทต่อลิตรแล้ว ซึ่งถ้าในอนาคตราคาขยับขึ้น ดีเซลจะสูงขึ้นด้วย โดยในระดับนโยบายต้องมาหารืออีกครั้งว่า จะปรับลงอย่างไร การปรับโครงสร้างภาษีน้ำมันครั้งนี้จึงไม่่ใช่การปรับที่ยั่งยืน
"ผมค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐบาลกับสปช.ยังต้องพิจารณาโครงสร้างราคาอีก แต่ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมต้องทำเรื่องนี้ในเวลานี้ มีความประสงค์เรื่องอะไร ถ้าเห็นว่าเบนซิน95 รับภาระภาษีมากเกินไปก็ถือเป็นเรื่องนโยบาย ซึ่งประชาชนต้องทราบว่า การลดราคาที่เกิดขึ้น ภาษีจะหายไป แต่ไปเก็บเพิ่มที่ดีเซลแทน ซึ่งเป็นดุลพินิจของผู้บริหารว่า ระหว่างผู้ใช้ดีเซลกับเบนซินใครควรจ่ายภาษีมากกว่ากัน เพราะราคาน้ำมันที่ลดลงขณะนี้ไม่เกี่ยวกับผู้ประกอบการแต่เป็นเรื่องนโยบายที่ปรับลดภาษี ซึ่งในส่วนของบริษัทน้ำมันยังต้องไปหารือกันอีกยาว เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร จึงต้องถามแนวทางจาก คสช.และสปช.ว่า ทำเรื่องนี้ก่อนที่มีสภาปฏิรูปทำไม ซึ่งมีการชี้แจงว่า ไม่กระทบต่อรายได้ในการจัดเก็บภาษี แต่ถ้ารัฐบาลต้องการปรับโครงสร้างราคาอย่างยั่งยืนก็ต้องไปพิจารณาเรื่องกองทุนน้ำมัน ที่ตนยังเห็นว่ามีความจำเป็นในการเป็นเครื่องมือเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา แต่ไม่ใช่นำไปใช้อุดหนุนหรือพยุงราคาซึ่งจะทำให้บริหารกองทุนโดยไม่ขาดทุน และยังเป็นเครื่องมือในการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลต้องการให้ประชาขนหันมาใช้น้ำมันชนิดไหน เช่น ถ้าต้องการให้ใช้แก๊สโซฮอลล์ก็ต้องลดภาระ ส่วนน้ำมันชนิดไหนที่ไม่ต้องการให้ประชาชนใช้ ก็กำหนดให้มีราคาสูง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายเกี่ยวกับก๊าซหุงต้มที่ถือว่าเป็นของคนไทยทั้งชาติมีปริมาณเพียงพอที่จะให้ประชาชนใช้ในภาคครัวเรือนจึงต้องให้ใช้ในราคาต้นทุน ไม่ใช่ในราคาตลาด แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการขยับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะในการเสวนาเวทีพลังงาน ปตท.ก็ยอมรับเองว่ายังขายแอลพีจีให้บางบริษัทในราคาที่ถูกกว่า ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการปรับราคาแอลพีจีภาคขนส่งเท่ากับภาคครัวเรือนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายว่าต้องการให้แอลพีจีทั้งสองภาคอยู่ในระดับใด แต่ทั้งสองส่วนควรอยู่ในอัตราที่เท่ากันเพื่อป้องกันปัญหาการยักย้ายถ่ายเทแอลพีจีข้ามภาค จะเกิดปัญหาตามมาอีก จึงเห็นว่าสิ่งที่ต้องทำคือ ต้องหาต้นทุนที่แท้จริงของแอลพีจีว่า เท่าไหร่ แต่เวลานี้ยังไม่สามารถจับหลักคิดของ คสช.ได้ว่า มีแนวทางเกี่ยวกับแอลพีจี อย่างไร เพราะยังไม่ชัดเจน