ป่วยหนัก‘ตายคาคุก’
มือฆ่า‘สุทิน’
ชี้เป็นโรคหืดหอบกำเริบ
แม่ไม่เชื่อ-แฉลูกถูกขู่ฆ่า
‘มาร์ค’ยันเอาคืน‘ธาริต’
คดีศาลยกฟ้องสลายนปช.
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากนายอายุตม์ สินธพพันธ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯว่า นายสุรกริช ชัยมงคล ผู้ต้องหาคดียิงนายสุทิน ธราทิน แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย(กคป.)เสียชีวิตระหว่างปราศรัยอยู่บนรถย่านถนนบางนา-ตราดเมื่อเดือนมกราคม2557ได้เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯแล้ว
โดยเมื่อบ่ายวันที่ 28 สิงหาคม ผู้ต้องหารายนี้มีอาการป่วยเป็นโรคหอบหืด และมีอาการหายใจไม่ออก เจ้าหน้าที่เรือนจำฯจึงนำตัวไปส่งที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.นายสุกริช ได้เสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีโรคประจำตัวคือเบาหวาน และหอบหืดอยู่แล้ว
ยันผู้ต้องหาไม่ได้ถูกซ้อมตาย
ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด หลังจากนี้ต้องมีการตรวจพิสูจน์ศพ เนื่องจากผู้ต้องหาตายผิดธรรมชาติ คือตายในระหว่างถูกควบคุมตัวของเรือนจำ โดยพนักงานสอบสวน อัยการ แพทย์ และฝ่ายปกครองจะร่วมกันชันสูตรเพื่อสรุปผลการเสียชีวิตที่ชัดเจนก่อนส่งศพไปให้กับแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจสรุปหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
รอผลผ่าพิสูจน์ศพจากรพ.
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เคลื่อนย้ายศพออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว โดยมีรถมูลนิธิฯมารับไปส่งที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์อีกครั้ง หลังจากนั้นในส่วนของกรมราชทัณฑ์จะรอผลการไต่สวนการเสียชีวิตจากพนักงานสอบสวนและรอคำสั่งศาลว่าผู้ต้องหาเสียชีวิตด้วยสาเหตุใดก่อนจะจำหน่ายคดีออกจากระบบ
ผบ.คุกยันโรคหืดหอบกำเริบ
ด้านผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า นายสุรกริชถูกส่งตัวเข้ารักษาอาการโรคประจำตัวกำเริบ โดยมีอาการหายใจไม่ออกจากโรคหอบหืดตั้งแต่ช่วงบ่าย ก่อนที่จะเสียชีวิตในช่วงเย็นวันเดียวกัน และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นายสุรกริชมีอาการป่วยกำเริบ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติถูกส่งตัวเข้ารักษาระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในระหว่างที่นายสุรกริชถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำนั้นไม่มีปัญหากับเพื่อนผู้ต้องขัง และไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายใด ๆ ทั้งสิ้น
แม่กังขาลูกชายตายคาคุก
วันเดียวกัน นางอารีย์ ชัยมงคล อายุ 55 ปี มารดาของนายสุรกริช เผยถึงกรณีลูกชายเสียชีวิตว่า ตนเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้า ซึ่งตนติดใจเรื่องการเสียชีวิตของลูกชาย ไม่คิดว่าจะเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว
นางอารีย์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ได้ไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำ ขณะนั้นยังอยู่ที่แดน 1 แต่กำลังจะถูกย้ายไปแดน 4 ลูกชายบอกกับตนว่าถ้ายื่นประกันตัว 2 รอบยังไม่ได้ สงสัยคงไม่ได้ออกไป ต้องตายอยู่ในคุกแน่ เพราะตอนที่อยู่ในห้องมืดมีคนมาข่มขู่ว่า ถ้าคนไหนเป็นเสื้อแดงจะฆ่าให้ตายให้หมด แล้วบังคับให้ยอมรับสารภาพว่าใครเป็นคนสนับสนุนอยู่ ลูกชายบอกอีกว่าเคยถูกทุบที่ท้อง แต่ไม่ทราบว่าใช้อะไรทุบ ลักษณะเป็นของนุ่มๆ จึงไม่มีบาดแผลภายนอก หลังจากนี้คงต้องรอผลชันสูตรพลิกศพจากร.พ.ตำรวจ ซึ่งตนได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าร่วมในการตรวจด้วย
“มาร์ค”ยันสลายแดงตามหน้าที่
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีศาลอาญายกฟ้องคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และอัยการสูงสุด (อสส.) ส่งฟ้องในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยมีเจตนาเล็งเห็นผลว่า เป็นไปตามที่ตนเคยยืนยันมาตลอดว่าข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอกล่าวหาตนและพระสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ว่าเป็นการทำในหน้าที่ราชการทั้งสิ้น
ได้ทีซัดดีเอสไอทำผิดมาตั้งแต่ต้น
ซึ่งในส่วนของตนคือ การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตั้ง ศอฉ.ขึ้น หากมีการกระทำผิดก็เป็นเรื่องที่ทาง ป.ป.ช.มีอำนาจในการไต่สวนและลงความเห็นว่าจะส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดีเอสไอเองก็วินิจฉัยลักษณะนี้ในคดีอื่นมาตลอด แต่กรณีนี้กลับมาทำในสิ่งที่ต่างไปจากคดีอื่นซึ่งทำผิดมาแต่ต้น ส่วนเหตุการณ์นี้ใครจะทำผิดอะไร อย่างไร ทาง ป.ป.ช.กำลังสอบสวนอยู่ ตนได้ไปให้ถ้อยคำมาแล้ว อยู่ที่ ป.ป.ช.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ตามเอาคืนยื่นฟ้อง”ธาริต”
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะฟ้องกลับนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีต อสส.ที่เป็นคนลงนามสั่งฟ้องในกรณีนี้หรือไม่ เพราะกำลังยื่นอุทธรณ์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟ้อง สำหรับความเห็นแย้งของอธิบดีศาลอาญาที่แสดงความเห็นต่างจากคำพิพากษาก็ถือเป็นสิทธิที่ท่านเห็นแย้งได้ ส่วนในคดีนี้ก็ต้องดูต่อว่า อสส.จะยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่ ตนยืนยันมาตลอดว่า พร้อมยอมรับที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมตามกระบวนการกฎหมายที่ถูกต้อง
ธาริตขอลุ้นถึงศาลฎีกา
ในขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ กล่าว ว่าคดีนี้แม้ศาลจะยกฟ้องแต่ อธิบดีศาลอาญามีความเห็นแย้งว่าเป็นอำนาจของดีเอสไอ ดังนั้นจะเห็นว่ามีความเห็นต่างหลายฝ่าย อย่างไรก็ตาม สุดท้ายต้องฟังคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ระบุจะอุทธรณ์คดีที่ฟ้องตนและพนักงานสอบสวนฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่อง แต่ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ กระบวนการยุติธรรมโดยศาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อธิบดีศาลแจงความเห็นแย้ง
ด้าน นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เปิดเผยว่า กรณีที่ทำความเห็นแย้งคำพิพากษาของศาลอาญาที่ยกฟ้องนายอภิสิทธิ์ กับพระสุเทพว่า คู่ความสามารถใช้สิทธิ์อุทธรณ์ได้ โดยศาลอุทธรณ์จะตรวจสำนวนและดูความเห็นแย้งที่ตนบันทึกไว้ การทำความเห็นแย้งจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ คดีนี้ก่อนมีคำพิพากษา องค์คณะผู้พิพากษาได้มาหารือกับตน ซึ่งตนให้คำแนะนำไป ทั้งนี้ผู้พิพากษามีความเป็นอิสระ ตนจะไปก้าวก่ายก็ไม่ได้ และตนไม่คิดจะโอนสำนวนจากองค์คณะนี้ไปอีกองค์คณะอื่น เพราะการโอนสำนวนส่วนใหญ่จะทำในระดับศาลสูง คดีนี้องค์คณะเพียงอยู่ในชั้นตรวจพยานหลักฐาน ก็เห็นว่าคดีพอวินิจฉัย จึงมีคำพิพากษาออกไป
ชี้ขึ้นศาลฏีกาฯม้วนเดียวจบ
อย่างไรก็ตามหากคดีนี้ ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิจารณาศาลเดียวจบ แต่ถ้าคดียังอยู่ในศาลอาญา ก็มีโอกาสสู้กันถึง 3 ศาล อัยการโจทก์มีภาระการนำสืบให้ศาลอาญาพิจารณา และเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ก็จะได้รับการกลั่นกรองจากผู้พิพากษากว่า 20คน
บอกคนตาย99ศพเรื่องใหญ่
คดีนี้เป็นคดีใหญ่ เป็นปัญหาความสงบ มีคนตายถึง 99คน มีญาติคนตายเกี่ยวข้องเป็นผู้เสียหายจัดการแทนหลายคน เป็นอาญาแผ่นดิน มีชาวต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีไหนทหารยิง ก็บอกว่าทหารยิง คดีไหนฟังไม่ได้ว่าทหารไม่ได้ยิง ศาลก็สั่งว่าทหารไม่ได้ยิง คดีนี้ควรจบที่ศาลยุติธรรม ซึ่งผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้ถ้าปปช.ยื่นฟ้องคดีนี้ และคดีเข้าสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ฯ ก็จะมีการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกผู้พิพากษาองค์คณะ ถึงเวลานั้น ตนคงเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา แต่ตนจะปฏิเสธไม่ขอรับเป็นองค์คณะ 9 คน เพราะตนมีส่วนได้เสีย เคยทำความเห็นแย้งไปแล้ว
ให้รอดูศาลอุทธรณ์ก่อน
“ผมไม่อยากพูด ว่าศาลอาญารีบยกฟ้องหรือไม่ ต้องรอดูศาลอุทธรณ์ ถ้าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลอาญา ก็เป็นที่สุด เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ผมเห็นใจทุกฝ่าย เราต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ว่า คนที่ถูกฟ้องเขาทำผิดจริงหรือไม่ มีคนตายคนเจ็บ มีพ่อ มีแม่ สามี ภริยา ที่รอฟังคำพิพากษาอยู่ ซึ่งการพิจารณาก็ต้องมีกติกา ผิดก็ลงโทษ ไม่ผิดก็ยกฟ้อง สุดท้ายก็อยู่ที่ศาลตัดสิน ถ้าไม่มีศาลสถิตยุติธรรม สังคมก็อยู่ไม่ได้เกิดการแก้แค้นกันเอง จะเป็นอันตรายมาก “ นายธงชัย กล่าวตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี