2 ก.ย.57 Anna Jill โพสต์แสดงความคิดเห็นหลังมีกระแสข่าวว่า กรมธนารักษ์ พยายามบีบ กทม.ให้ยกเลิกคุมความสูงทั้งหมดในพื้นที่โดยรอบสวนเบญจกิติ และพื้นที่เขตคลองเตย ลุมพินี และปทุมวัน เพื่อเปิดทางให้นักธุรกิจชื่อดัง ลงทุนก่อสร้างโรงแรมหรู วงเงินลงทุนกว่า 2,732 ล้านบาท โดยจะให้ผลตอบแทน กรมธนารักษ์ ในฐานะคนต้นเรื่อง 3,000 ล้านบาท
Anna Jill โพสต์ข้อความไว้ดังนี้
ปอดกรุงเทพ ผืนสุดท้าย กำลังจะกลายเป็นแท่งคอนกรีต มาร่วมกันต่อต้าน การยกเลิก ข้อบัญญัติ กทม ปี 47 ห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง อาคารบริเวณ รอบสวนเบญจกิติ ที่ตราขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อประโยชน์ใน ด้านการรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร กำหนดมาตรการควบคุมความสูง ชนิด และประเภทอาคาร ห้ามสูงเกิน 23 ม.หรือไม่ เกิน 5-8 ชั้น
เรื่องนี้ ผีบ้านไม่ดี ผีป่าก็พลอย ......กรมธนารักษ์ เป็นต้นเรื่อง บีบ กทม.ให้ปลดล็อก ยกเลิกคุมความสูงทั้งหมดในพื้นที่ ในบริเวณสวนเบญจกิติ และบริเวณ โดยรอบในพื้นที่เขตคลองเตย ลุมพินี และปทุมวัน คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีนี้
เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี หลังจาก ได้เสนอแผนการลงทุน โครงการส่วนต่อขยาย ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เดิม และโรงแรมสูง 23 ชั้น จำนวน 450 ห้อง วงเงินลงทุน 2,732 ล้านบาท ภายใต้สัญญาสัมปทานใหม่ 25 ปี โดยให้ผลตอบแทน กรมธนารักษ์ 3,000 ล้านบาท หลังสัญญาเก่าหมดไป เมื่อปี 43 แต่จนถึงขณะนี้ ยังเดินหน้าแผนการลงทุนโครงการไม่ได้ เพราะติดปัญหาความสูงที่ กทม.ออกมาห้ามสร้างตึกสูงเกิน 23 เมตร ทำให้มีปัญหาเรื่องการตีมูลค่าการลงทุนโครงการ
โรงงานยาสูบคืนพื้นที่สีเขียว 310 ไร่มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ให้เป็นปอดของคนกรุงเทพ การเพิ่มสีเขียวในกทม. เป็นเรื่องที่ภาคประชาชน เรียกร้องมาอย่างต่อเนื่อง ปี 47 โรงงานยาสูบได้คืนพื้นที่เฟสแรก ในส่วนสวนเบญจกิติให้กับ กทม. ไปแล้ว 110 ไร่ โดยให้งบประมาณ สนับสนุนทหารช่าง เข้ามาปรับปรุงพื้นที่ เป็นสวนสาธารณะร่วมกับ กทม. โดยเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 49 สำหรับเฟส 2 โรงงานยาสูบเตรียม คืนพื้นที่อีก 310 ไร่ ทำให้พื้นที่สีเขียวบริเวณนี้มีพื้นที่รวมแล้ว 420 ไร่ ขนาดใหญ่กว่าสวนลุมพินี
ก่อนหน้านี้ มีประเด็นน่าสนใจ ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึง ที่ดินย่านมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ กำลังจะกลายเป็นทองคำ กับการพัฒนาเป็น "มักกะสันคอมเพล็กซ์" มูลค่านับแสนล้านบาท ที่อ้างว่า จะเป็นการลงทุนให้เอกชนเช่าเป็นศูนย์การค้า สำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล รองรับชาวต่างชาติ
ถึงขั้นมีเพจ 'เราอยากให้มักกะสันเป็น"มักกะสันคอมเพล็กซ์"เมืองศูนย์กลางแห่งอาเซียน' เพื่อโฆษณาชวนเชื่อว่า หนึ่งในปอดกลางกรุง ควรได้รับการพัฒนา มากกว่าปล่อยให้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม
ขณะที่ นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์" รองผู้อำนวยการไทยพีบีเอส เคยแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว สมัยเป็นบรรณาธิการนิตยสารสารคดี ตอนหนึ่ง ว่า "...หลายปีต่อมาป่าผืนนี้พื้นที่เกือบห้าร้อยไร่กำลังจะกลายเป็นที่ดินผืนงามกลางเมือง เพื่อพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์หรูมูลค่านับแสนล้านบาท เมื่อมีข่าวว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยมีโครงการจะเปิดประมูลที่ดินแปลงนี้ให้กับเอกชน ภายใต้ชื่อ "มักกะสันคอมเพล็กซ์"
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า จะมีการย้ายโรงซ่อมหัวรถจักรทั้งหมดไปไว้ที่โรงซ่อมแก่งคอย และจะพัฒนาพื้นที่ย่านมักกะสัน (มักกะสันคอมเพล็กซ์) ให้เป็นทั้ง ศูนย์การค้า โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ โรงพยาบาลที่สามารถรองรับชาวต่างชาติได้ อาคารสำนักงานให้เช่าพื้นที่ และศูนย์จัดการประชุมขนาดใหญ่ เพื่อดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าหลากหลายให้เข้ามาใช้บริการครบวงจรของมักกะสันคอมเพล็กซ์
โครงการนี้จะแบ่งเป็น 4 โซน คือ โรงแรม ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน, ศูนย์จัดการประชุมขนาดใหญ่, โรงพยาบาลที่สามารถรองรับต่างชาติได้ และศูนย์การค้า คาดว่ามูลค่าที่ดินจะตกประมาณ 5 หมื่นล้านบาท มูลค่าการลงทุนประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนจากจีน ตะวันออกกลาง เกาหลี ที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แสดงความสนใจจะเข้ามาพร้อมลงทุน
เป้าหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทยคือ นำที่ดินมาปล่อยเช่าเพื่อนำมาชำระหนี้ของตัวเอง อันสูงถึงแสนกว่าล้านบาท จากการบริหารงานผิดพลาดในอดีตและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
แต่อีกด้านหนึ่งเริ่มมีกระแสสังคมเรียกร้องให้นำเอาสุสานรถไฟมักกะสัน เปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ เพื่อเป็นปอดของกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับที่โรงงานยาสูบ และกรมอุตุนิยมวิทยา เคยบริจาคที่ดินมาพัฒนาเป็นสวนเบญจกิติ และสวนเบญจสิริให้กับชาวกทม.
ทุกวันนี้กทม.มีพื้นที่ประมาณหนึ่งล้านไร่ มีสวนสาธารณะกระจายตามที่ต่าง ๆ รวมประมาณ 12,000 ไร่ ซึ่งถือว่ามีพื้นที่สีเขียวต่ำมากในการช่วยฟอกอากาศให้กับมหานครที่มีปัญหามลพิษสูงสุดในโลกแห่งหนึ่ง
วันนี้คงต้องถามคนกรุงเทพฯในฐานะที่เป็นเจ้าของการรถไฟแห่งประเทศไทยตัวจริง ว่า พวกเราอยากได้อาคารระฟ้า โรงแรมหรู ชอปปิ้งมอลล์ทันสมัย หรือปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นเพียงสวนสีเขียว มีป่าใหญ่ให้ลูกหลานได้ออกกำลังกาย ได้หายใจเต็มปอด
เพราะเชื่อว่าเงินแสนล้านบาทจากการพัฒนาที่ดินที่จะนำไปใช้หนี้ให้การรถไฟนั้น คาดว่าคงตกหล่นตามทางประมาณ 40% ตามการคาดคะเนการคอรัปชั่นในยุคปัจจุบัน
ส่วนจะเข้ากระเป๋าใครนั้น อนุสาวรีย์เสาโฮปเวลล์คงเป็นประจักษ์พยานได้ดี
กรุงเทพธุรกิจ 29 พย. 55
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี