ยกคำร้อง‘ใบเหลือง’
สุขุมพันธ์เฮ!
ศาลชี้ปม‘สุเทพ’ปราศรัย
ไม่เข้าข่ายใส่ร้ายพงศพัศ
เจ้าตัวลั่นขอลุยงานทันที
วันที่ 5 กันยายน ศาลอุทธรณ์ แผนกคดีเลือกตั้ง ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ 1/2557 ให้ยกคำร้องกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ ใหม่ เนื่องจากมีผู้คัดค้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการ กทม. เมื่อปี 2556 ที่ กกต.ได้มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้ใบเหลืองแก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ พระสุเทพ กล่าวปราศรัยเมื่อวันที่ 13 และ 25 ก.พ.56 ที่วงเวียนใหญ่และลานคนเมือง กทม. โดยมีข้อความกล่าวโจมตี พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครพรรคคู่แข่ง ทำนองว่า หากเลือกพล.ต.อ.พงศพัศเป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้ว อาจจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองประเทศสู่ระบบสาธารณรัฐที่มีประธานาธิบดีเพียงคนเดียว กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ส่งผลให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเข้าใจผิดในตัวพล.ต.อ.พงศพัศ อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57
คดีนี้ ฝ่าย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ผู้คัดค้าน กกต. อ้างว่า นายสุเทพ พยานฝ่ายผู้คัดค้าน กล่าวปราศรัยทั้ง 2 แห่ง มีผู้เข้าฟังเพียง 3,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่ผลการเลือกตั้งดังกล่าวปรากฏว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชนะการเลือกตั้งได้ 1,256,349 คะแนน ส่วน พล.ต.อ.พงศพัศ ได้ 1,077,899 คะแนน ซึ่งห่างกันกว่า178,900 คะแนน ดังนั้น การปราศรัยของนายสุเทพ จึงไม่มีผลต่อคะแนนนิยมของพล.ต.อ.พงศพัศ อีกทั้งในการปราศรัยดังกล่าวไม่ได้มีการถ่ายทอดหรือเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ การคำกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในหมู่ประชาชนอยู่แล้ว สืบเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มนปช. เมื่อปี 2553
ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยใน 3 ประการ 1.มติของกกต.ที่สั่งสอบเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.56 หลังจากที่คณะอนุกรรมการกกต. ได้ไต่สวนและมีความเห็นมาแล้ว และมติของกกต.ที่ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามกฎหมายให้กกต. ผู้ร้องมีอำนาจในการจัดการเลือกตั้งและสืบสวนสอบสวน หากมีกรณีร้องเรียน ซึ่งผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้องคือผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และผู้ได้รับการเลือกตั้ง โดย กกต.มีอำนาจในการเรียกพยาน เอกสารจากหน่วยราชการมาประกอบการไต่สวน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนจนให้ได้ข้อยุติ ดังนั้น ผู้ร้องจึงมีอำนาจในการออกมติดังกล่าว
ประเด็นที่ 2 การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 มี.ค.56 ไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม เพราะเหตุจากที่นายสุเทพกล่าวปราศรัยให้ประชาชนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพล.ต.อ.พงศพัศ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ มาตรา 57 (5) หรือไม่
เห็นว่า ในประเด็นดังกล่าวผู้คัดค้านมีหลักฐานเป็นหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่ได้พาดหัวข่าวและมีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวคิดของกลุ่มคนเสื้อแดงแบ่งแยกประเทศ และกลุ่มส.ส.ภาคเหนือและภาคอีสาน รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการตั้งรัฐไทยใหม่ และพ.ต.ท.ทักษิณยังมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน สอดคล้องเชื่อมโยงกับข้อเท็จจริงที่นายสุเทพได้กล่าวปราศรัย และยังฟังได้ว่าขณะที่นายสุเทพ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทราบข้อมูลที่นายสุเทพกล่าวปราศรัยไว้จริง
ขณะเดียวกัน ไม่ปรากฏว่าบุคคลที่เป็นข่าว ได้ยื่นฟ้องสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวลักษณะการติดตามข้อเท็จจริงให้กับสาธารณะชนทราบ การกระทำของสุเทพ จึงเป็นการนำข้อเท็จจริงซึ่งสังคมไทยทั่วไปรับรู้อยู่แล้วมาปราศรัยอีกครั้ง และข้อเท็จจริงยังปรากฏอีกว่านายสุเทพไม่ได้ถูกดำเนินคดีอาญา กรณีจึงไม่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการกล่าวปราศรัยเป็นการหลอกลวงให้ร้ายที่ฝ่าฝืนตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ มาตรา 57 (5) และ 118
สำหรับประเด็นที่ 3 การกระทำของนายสุเทพ ที่ กกต.ผู้ร้องอ้างว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต เกี่ยวกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้คัดค้าน หรือเป็นเหตุให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งหรือไม่ เมื่อพิจารณาถึงคำปราศรัยทั้งหมดของนายสุเทพ ก็ได้อ้างอิงถึง คำปราศรัยของนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ อดีตประธาน นปช. ที่เคย กล่าวถึงการชุมนุม ในพื้นที่ กทม.และนายสุเทพ ได้กล่าวถึงวิธีการแนวคิดของกลุ่ม นปช. โดยที่ไม่ปรากฏว่าได้กล่าวถึงพล.ต.อ.พงศพัศ ที่จะทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
ส่วนที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความที่ร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ กกต.ระบุว่า การชุมนุมของ นปช.เป็นไปโดยสงบและสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญนั้น ปรากว่า ข้อเท็จจริงตามรายละเอียดคำพิพากษาศาลแพ่ง คดีการชุมนุม ของกลุ่ม นปช.ระหว่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2553 ที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ใน กทม. ซึ่งศาลแพ่งได้มีคำวินิจฉัย ว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช. จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการใช้เส้นทางจราจร พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนนี้ จึงยังไม่พอฟังได้ว่า การกล่าวปราศรัยของนายสุเทพ เป็นการจูงใจหรือหลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิดในตัวพล.ต.อ.พงศพัศ ที่จะเป็นเหตุให้ประชาชน ผู้มีสิทธิลงคะแนนมาลงคะแนนเสียงให้กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กรณีจึงยังไม่มีเหตุให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม.ใหม่ ตามคำร้อง ดังนั้นจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของ กกต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอ่านคำสั่งดังกล่าวศาลให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งผู้มาให้กำลังใจในห้องพิจารณาคดีกว่า 100 คน ต้องยืนฟังคำสั่ง โดยคำวินิจฉัยของศาลมีความละเอียดซึ่งใช้เวลาอ่านต่อเนื่องนาน 5 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น
ภายหลังฟังคำสั่งแล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้กอดแสดงความยินดีกับมารดาที่เดินทางมาฟังคำสั่งพร้อมกับทีมงานคณะรองผู้ว่าฯ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมวลชนมาคอยให้กำลังใจมรว.สุขุมพันธุ์ เป็นจำนวนมากอีกด้วย สำหรับการอ่านคำสั่งดังกล่าวศาลให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งผู้ที่มาให้กำลังใจและผู้ที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีกว่า 100 คน ยืนฟังคำสั่งตลอดการพิจารณา
ด้านม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวภายหลังฟังคำสั่งของศาล ว่า ศาลจะแจ้งคำสั่งดังกล่าวไปยังกทม.ว่าตนสามารถกลับไปปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งตนจะกลับไปทำงานในฐานะผู้ว่ากทม.ทันทีและจะทำงานให้หนักกว่าเก่า ซึ่งขณะนี้มีเรื่องที่ตนเป็นห่วงอยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องฝนและโรคระบาด ซึ่งมีหลายโรคที่เราต้องให้ความสำคัญ โดยในวันเสาร์นี้ตนจะเดินทางไปยังสำนักงานระบายน้ำเป็นอันดับแรก เพื่อให้รายงานการเตรียมพร้อมในการรับมือกับฤดูฝนที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นในช่วงต้นสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปยังสำนักอนามัยต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์เสร็จสิ้น ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้เดินทางมายังวังสวนผักกาด เขตพญาไท ในทันที เพื่อร่วมรับประทานอาหารกับคณะผู้บริหาร กทม.ฝ่ายการเมือง และผู้บริหารข้าราชการฝ่ายประจำ พร้อมบุคคลที่ใกล้ชิด ซึ่งอาหารที่รับประทานมีเมนูเป็นข้าวมันไก่ และก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ที่ได้มีการเหมาร้านมา โดยระหว่างรับประทานอาหาร มีบุคคลที่ใกล้ชิดเดินทางเข้ามาแสดงความยินดีกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อย่างต่อเนื่อง
มีรายงานว่า ในวันที่ 6 กันยายนนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ต่อในทันที โดยจะมีการประชุมหารือเรื่องสถานการณ์น้ำ และอาจจะมีการลงพื้นที่ด้วย
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทีมทนายความของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งให้ยกฟ้อง จึงถือว่าคดีถึงที่สิ้นสุดแล้วเพราะเป็นเพียงศาลเดียวและไม่สามารถยื่นฎีกาได้อีก
ขณะที่นายวีระ ยี่แพร ผอ.การเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กต.กทม.) กล่าวว่าตามกฎหมายแล้วพอศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าราชการกทม.ได้ทันที
“ การที่ศาลมีความเห็นต่างจากมติของกกต.นั้น ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะกกต.และศาลมีกระบวนการพิจารณาที่แตกต่างกัน “นายวีระ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี