ภาคเอกชนหนุนรัฐบาล
จัดเก็บภาษีมรดก-ที่ดิน
เพิ่มรายได้พัฒนาท้องถิ่น
ลดความเหลื่อมล้ำสังคม
มีความเห็นจากหลายฝ่ายต่อนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการผลักดันกฎหมายเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า ภาษีที่ดิน ภาษีมรดกโดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน ถึงการเสนอกฎหมายเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า ภาษีที่ดิน ภาษีมรดกว่า เรื่องนี้รัฐบาลจะเป็นผู้เสนอให้สนช.พิจารณาเอง และขณะนี้ทราบว่า รัฐบาลกำลังร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ ต้องถามรายละเอียดจากกรมสรรพากรด้วย และตนคิดว่าจะไม่มีการสกัดการพิจารณากฎหมายนี้ให้ตกไป เหมือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แน่นอน
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช.กล่าวย้ำถึงร่างพ.ร.บ.จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและร่างกฎหมายพ.ร.บ.จัดเก็บภาษีมรดกว่า ยังไม่เห็นรายชื่อกฎหมายทั้ง 40-50 ฉบับที่จะนำเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) คาดว่าอยู่ระหว่างเขียนรายละเอียดของข้อกฎหมาย แต่ตนไม่กังวล และคาดว่าจะเข้าครม.เร็วๆ นี้ เพราะพ.ร.บ.นี้อยู่ในนโยบายที่ ครม.แถลงต่อ สนช.
นพ.เจตน์ กล่าวด้วยว่า ถ้าร่างกฎหมาย 2 ฉบับนี้เข้าสภา ตนโหวตรับหลักการแน่นอน เนื่องจากประเด็นคือ รัฐบาลที่ผ่านมามีแต่รายจ่าย ไม่มีการจัดเก็บรายได้เพิ่ม หากมีการปรับปรุงกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้รัฐได้กว่า 1 แสนล้านบาท และเป็นรายได้ที่จะนำส่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งจะลดความเหลื่อมล้ำได้เป็นอย่างดี เนื่องจากตามร่างพ.ร.บ.ฉบับปัจจุบัน มีการจัดเก็บภาษีมรดกที่มีมากกว่า 50 ล้านบาท โดยอาจแปรญัตติเพื่อเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต และส่วนตัวร่างกฎหมายนี้ยังคงมีข้อถกเถียง โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.ภาษีมรดก นอกจากนี้ ยังมีปัญหาคือ ถ้าจัดเก็บแล้ว อาจมีการโยกย้ายทรัพย์สินไปยังประเทศที่มีอัตราจัดเก็บต่ำหรือไม่มีการจัดเก็บ ทำให้รัฐเก็บภาษีไม่ได้ หากบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว
ด้านกระแสต้านร่างพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับ นพ.เจตน์ระบุว่า ควรนำข้อมูลเข้าอภิปรายกันในสภา แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ ในเรื่องที่เป็นการเพิ่มรายได้ให้รัฐ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นกฎหมายโรงเรือนและกฎหมายบำรุงท้องที่ ก็คือมีการยกเว้นให้ผู้ครอบครองที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และตรงนี้ตนคิดว่ามีที่ดินว่าง จึงทำให้ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว มีปัญหากับผู้ที่ถือครองที่ดินจำนวนมาก แต่เป็นคนจำนวนไม่มากนัก ตนจึงคิดว่าร่างพ.ร.บ.จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นน่าสนับสนุนกว่า โดยอาจมีแรงต้าน แต่อาจน้อยกว่าพ.ร.บ.จัดเก็บภาษีมรดก
มีความเห็นจากภาคเอกชนต่อนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยนายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีเห็นว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งนโยบายส่วนใหญ่เป็นการสานต่อนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะการเดินหน้าปฎิรูปหลายด้านและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษีมรดก ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้เคยมีแนวคิดดำเนินการแต่ยังไม่สำเร็จ จากนี้ต้องติดตามการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะเดินหน้าและผลักดันให้เสร็จภายในปีนี้ได้หรือไม่ ถ้าดำเนินการได้จริงจะเป็นผลดี ทำให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีรายได้จากภาษีมากขึ้น และ นำไปสร้างสาธารณูปโภคพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่
ส่วน นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่าการที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แถลงนโยบายจะออกกฎหมายปรับปรุงการจัดเก็บภาษี มีความเป็นไปได้ครึ่งหนึ่ง เนื่องจากเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย และการผลักดันกฎหมายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลใดทำได้ เพราะต้องยอมรับว่าการเมืองไทยอยู่ในมือของคนรวย ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 50-60ครอบครัว
ขณะที่นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า นโยบายที่จะให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลังวันที่ 15 กันยายน จะเน้นปฎิบัติตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น กลาง และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากนี้ จะเดินหน้าปฏิรูปภาษี การผลักดันภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมรดก ให้เสร็จภายใน 1ปี สำหรับภาษีตัวอื่นๆ ที่ต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมหรือตัดทอนจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวอีกครั้งหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี