'อภิสิทธิ์'จ่อนำทีมเข้าชี้แจงกกต. ปมรู้เห็นเป็นใจชุมนุมกปปส.
วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557, 19.35 น.
Tag :
18 ก.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 กันยายน) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะนำแกนนำพรรคและทีมทนายความ เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเวลา 13.30 น. เพื่อชี้แจงกรณีที่ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ แกนนำกลุ่ม นปช.และคณะร้องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ฐานรู้เห็นเป็นใจให้สมาชิกและกรรมการบริหารพรรคไปขึ้นเวทีชุมนุมของกลุ่ม กปปส. โดยปราศรัยใส่ร้ายป้ายสีบุคคลอื่น
โดยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา และหัวหน้าทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทางคณะได้เตรียมการชี้แจงตามข้อเท็จจริงคือ ทางพรรคไม่ได้เป็นผู้จัดเวทีการชุมนุม แต่ผู้จัดเป็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายถาวร เสนเนียม และแกนนำ กปปส.ที่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ที่ไปตั้งเวทีเรียกร้องและต่อสู้เพื่อความถูกต้องตามแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งสังคมรู้แล้วว่าจุดยืนของพรรคสู้ในเรื่องนี้มาตลอด และการชุมนุมของ กปปส. ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า เป็นสิทธิชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งตนและนายอภิสิทธิ์ จะร่วมไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานี้ ต่อคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ กกต.ในวันพรุ่งนี้
ทางด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ต้องแยกแยะการกระทำของแต่อดีต ส.ส.พรรคที่ไปร่วมเวทีชุมนุม กปปส. เพราะเป็นไปในนามส่วนตัว ที่ไม่ใช่มติของพรรค อีกทั้งระหว่างชุมนุมมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สั่งยุติการชุมนุม โดยศาลได้วินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมตามสิทธิโดยสงบที่รัฐธรรมนูญรับรอง อีกทั้งไม่ได้กระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญในระบบประชาธิปไตย คือใครทำผิดอะไรก็ว่าไปตามฐานความผิดของแต่ละบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค ส่วนการกระทำใดๆ ที่ผู้ร่วมชุมนุมได้กระทำผิดในกฎหมายอื่นๆ อาทิ ปิดถนน ผิด พ.ร.บ.ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ก็ว่ากันไปตามกฎหมายแล้วแต่กรณี
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตเทียบเคียงในกรณีการทำผิดของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่มีการใช้เสียงข้างมากในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยชี้มูลความผิดแล้ว ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ในการทำสัญญาระหว่างรัฐหรือประเทศต้องผ่านสภาฯ หรือการแก้ไขอีกหลายมาตราในส่วนที่มาของ ส.ว. เพื่อเปิดทางเป็นสภาผัวเมีย มีการเสียบบัตรแทนกัน หรือแม้กระทั่งใช้ร่างกฎหมายปลอม และมีผลประโยชน์ทับซ้อนของสมาชิกรัฐสภา ที่มีทั้ง ส.ส.และ ส.ว.กว่า 300 คนลงชื่อร่วมแก้ไข ซึ่งศาลชี้ว่าเป็นการกระทำให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ น่าจะเป็นเรื่องที่สังคมนี้ติดตามมากกว่า