คสช.ปัดห้ามจ้อการเมือง
แค่ขอร้อง
เมินคำร้องเลิกอัยการศึก
ยันไม่ส่งผลกระทบคนดีๆ
สั่งล้ม14อรหันต์คัดสปช.
แจงรธน.ให้อำนาจอยู่แล้ว
คนคอนฮือต้านพีระศักดิ์
ติดป้ายทั่วไม่เอาผู้ว่าแดง
เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ปรามกลุ่มบุคคลต่างๆ ไม่ให้จัดเสวนา
หรือพูดคุยเรื่องการเมือง และกรณีการควบคุมตัว นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ และผู้ร่วมเสวนา เพื่อให้หยุดกิจกรรม “ห้องเรียนประชาธิปไตย” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่า ความจริงแล้วคสช.ไม่ได้ห้าม แต่ตอนนี้มันมีช่องทางที่ให้เสนอแนะได้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นแนวทางการพัฒนาหรือการปฏิรูปประเทศไม่ว่า จะเป็นสภาปฏิรูปแห่งชาติหรือศูนย์ต่างๆที่เราเปิดให้ แต่ถ้าไปพูดกันในกลุ่ม ในวง ซึ่งมันหมิ่นเหม่ต่อการที่จะมีแนวคิดที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือแนวความคิดที่อ่อนไหวต่อสภาวะขณะนี้ ก็ต้องขอกัน เพราะต้องยอมรับว่าเราไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ปกติ
ย้ำขอร้องใช้ช่องทางที่เปิดให้
“กรณีที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่เขาใช้ดุลพินิจอย่างมากในการที่จะเข้าไปพูดคุย ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปเลย แต่ก่อนหน้านั้น ได้มีการพูดคุย และทำความเข้าใจกันก่อนแล้วทั้งทางมหาวิทยาลัย เป็นเจ้าของสถานที่และคณะจัดไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะเข้าไปเลย ที่ผ่านมา คสช. พยายามที่จะทำให้เกิดการยอมรับในเหตุและผล อยากให้ใช้ช่องทางที่เปิดไว้ดีกว่า อย่าไปพูดกันอยู่ในวงของตัวเองโอกาสที่จะได้รับการแก้ไขก็จะไม่มีหากจะใช้วิธีแบบเดิมๆก็ต้องขอร้องกันว่าวิธีแบบนั้นมันอ่อนไหวต่อการที่จะทำให้ทุกอย่างเกิดความไม่เข้าใจกันก็ต้องขอร้องกัน”พ.อ.หญิงศิริจันทร์ ย้ำ
คนไทยต่างชาติส่วนใหญ่เข้าใจ
เมื่อถามว่าคสช.เป็นห่วงหรือไม่ว่าหากไม่เปิดช่องให้เขาระบายกันบ้างอาจจะเกิดการอัดอั้นจนเอาไม่อยู่ ทีมโฆษกคสช.กล่าวว่า คิดว่าขณะนี้สังคมโดยรวมมีความเข้าใจดีไม่ว่าจะเป็นในส่วนของมหาวิทยาลัยหรือส่วนที่เกี่ยวข้องเช่นนักการเมืองหรือคนที่ทำงานด้านการเมืองก็เข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่ขณะนี้เขาก็ให้เวลา ให้ทุกอย่างได้เดินไปตามที่มันควรจะเป็น ความไม่เข้าใจจะมีน้อยมาก
เมื่อถามว่าต่างประเทศเขาจะเข้าใจเราหรือไม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า คนไทยเข้าใจ ส่วนคนต่างประเทศ ถ้าดูในภาพรวมกับท่าทีต่างๆ ที่แสดงกลับมาก็ยังเป็นปกติ แต่แน่นอนจะให้เป็นปกติเหมือนในอดีตคงเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยเหตุและผลเขาอาจจะเข้าใจแต่การยอมรับทั้งหมดก็ต้องอยู่ในดุลพินิจของแต่ละประเทศเขา แต่เราก็มีเหตุผลของเรา คนไทยยอมรับซึ่งคนต่างประเทศก็น่าจะเคารพการตัดสินใจของประเทศไทย
ไม่ทำผิด-อย่ากังวลกฎอัยการศึก
เมื่อถามว่า หากยังคงมีเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกรณีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คสช.ก็อาจจะต้องเลื่อนการยกเลิกกฎอัยการศึกออกไปอีกใช่หรือไม่ ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า คนที่ดำเนินชีวิตปกติไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้สังคมเดือดร้อนทำผิดกฎหมาย เขาไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่ามีกฎอัยการศึก ในอีกมุมหนึ่งกฎอัยการศึก สามารถทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล หรือจัดระเบียบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมายได้ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งที่ทำสิ่งผิดกฎหมาย ก็จะไม่ชอบและคิดว่ากฎอัยการศึกเป็นอุปสรรคต่อเขาที่จะทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
“กฎอัยการศึก ไม่ได้ทำให้การดำเนินชีวิตของคนปกติ รู้สึกอึดอัดเลยดังนั้นอย่าไปกังวลกับตรงนี้จะเลิกหรือไม่เลิกจะอยู่หรือไม่อยู่ มันไม่ได้ทำให้คนดีรู้สึกอะไรเลยเพราะเราไม่ได้มีธุรกิจผิดกฎหมายไม่ได้ไปบุกรุกป่าไม้หรือตั้งรีสอร์ทอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ที่จะต้องมากลัวว่าตำรวจหรือทหารจะใช้กฎอัยการศึกเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ” ทีมโฆษก คสช.กล่าว
วอนให้โอกาสทำตามโรดแมป
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมานายกฯได้พูดชัดเจนว่าเข้ามาแล้วจะต้องทำอะไรบ้างมีโรดแมปชัดเจน ระยะที่ 1 และ 2 ประชาชนให้การยอมรับแล้ว ช่วงนี้ก็ขอเครื่องมือในการทำงาน เพื่อทำให้เกิดโรดแมปในระยะที่ 3 สังคมไทยก็น่าจะให้โอกาส คสช.เหมือนที่ให้โอกาสมาในระยะที่ 1 และ 2 เพราะถ้าคสช.มีเครื่องไม้เครื่องมือในการทำงาน มีความร่วมมือจากประชาชน จากทุกภาคส่วนที่เห็นว่าเราต้องปรับปรุง แก้ไข ยกระดับประเทศก็น่าจะให้โอกาส คสช.อย่าได้เร่งรัดมาก จนทำให้ คสช.รู้สึกว่ามากดดันกันในขณะที่เราก็ตั้งใจทำงาน
ส่วนที่ผลการสำรวจของโพลล์ อยากให้รัฐบาลอยู่ปีกว่านั้น เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.มีความตั้งใจ และบอกสังคมอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ตั้งใจมาทำแค่ไหนเมื่อไหร่อย่างไรก็เป็นไปตามโรดแมป ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“บิ๊กตู่”กำชับเร่งเอ็กชั่นแพลน
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้เรียกพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมฝ่ายเสธนาธิการเพื่อสอบถามถึงแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาประเทศโดยเฉพาะการติดตามความคืบหน้าตามนโยบายการขับเคลื่อนประเทศของทุกกระทรวง ทบวง กรม ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายนโยบายไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายกฯยังได้กำชับให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำงานแก้ปัญหาของประเทศ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีเวลาเพียง1ปีในการบริหารราชการแผ่นดินพร้อมทั้งได้สอบถามถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามแผน”เอ็กชั่น แพลน”และย้ำว่าจะต้องทำอย่างรวดเร็ว สิ่งใดที่ทำได้ให้ทำทันที่ เรื่องใดที่มีความล่าช้า ให้วางแผนงานให้ชัดเจน พร้อมประเมินผลงานทุก 3 เดือน
คสช.ยึดคืนอำนาจสรรหาสปช.
มีรายงานข่าวว่าเมื่อวันที่19กันยายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 121/2557 เรื่อง ยกเลิกคำสั่ง คสช. แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.โดยให้มาเป็นอำนาจ คสช. ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ทั้งนี้ คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิก สปช.ออกมาเมื่อวันที่17 ก.ย.กำหนดให้มีกรรมการคัดเลือกเป็นทหาร และตำรวจ14นาย ที่มีบทบาทใน คสช.และครม.เช่น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้า คสช.และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. และ รมว.คมนาคม พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. สำหรับการคัดเลือกสมาชิก สปช.มาจากบัญชีรายชื่อที่ที่แต่ละจังหวัดส่งมาและจากผู้เชี่ยวชาญ11ด้านรวมทั้งหมดไม่เกิน250คน เสนอจะประกาศรายชื่อภายใน 2 ต.ค.นี้
แจงมีรธน.ให้เป็นอำนาจของคสช.
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช.ชี้แจงที่ คสช.มีคำสั่งยกเลิกคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)14นายพล ที่ทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกบุคคลเป็นสปช.ว่ารัฐธรรมนูญมาตรา30 ที่กำหนดให้การคัดเลือกสปช.เป็นอำนาจหน้าที่ของ คสช.อยู่แล้วโดยรับรายชื่อมาจากคณะกรรมการคัดสรรเสนอขึ้นมาเป็นหลักทั้ง11ด้านโดยผ่านกระบวนพิจารณาภายใต้หลักการคือให้ได้ผู้มีความรู้ความสามารถในลักษณะทั่วถึงทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ ทุกภูมิภาค อาจมีปัญหาบ้างในเรื่องของจำนวนผู้ที่สนใจจำนวนมากซึ่งคณะกรรมการคัดสรร ต้องมีมาตรการตรวจสอบที่สมบูรณ์ที่สุดในชั้นต้นมาแล้ว เป็นอย่างดี ในส่วนคสช.ก็มีผู้ทรงคุณวุฒิ มีคณะที่ปรึกษาร่วมพิจารณาอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่าหลังมีการปรับโครงสร้าง คสช.ใหม่ตามรัฐธรรมนูญกำหนดต้องมีสมาชิก15คนโดยสมาชิก คสช.สามารถทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกสมาชิก สปช.ได้เอง หลังคณะกรรมการสรรหาเสนอราชชื่อสมาชิก สปช.ขึ้นมาจำนวน250คนโดยคัดให้เหลือ173คน ในส่วนของการคัดสรร สปช.ใน77จังหวัด กำหนดให้ส่งรายชื่อภายในวันที่23ก.ย.นี้
ร้องสรรหาสปช.สุรินทร์ไม่โปร่งใส
น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ อดีตรองประธานวุฒิสภา ในฐานะผู้เข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)จังหวัดสุรินทร์ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และประธานกรรมการสรรหาสมาชิก สปช.สุรินทร์เพื่อให้ตรวจสอบกรณีกรรมการสรรหา สปช.จังหวัดสุรินทร์คนหนึ่ง มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้ารับการสรรหาเนื่องจากเป็นเครือญาติกัน หากเป็นเรื่องจริงจะทำให้กระบวนการสรรหา สปช.จังหวัดสุรินทร์เกิดความไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครคนอื่นๆ จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อพิจารณาแก้ไขให้กระบวนการสรรหา สปช.เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างแท้จริงตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีประกาศเอาไว้ ว่าจะทำให้โปร่งใส ไม่มีการล็อกสเปกหรือกำหนดตัวบุคคลไว้ล่วงหน้า
โพลชี้คะแนนนิยมปชป.แซง พท.
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์)เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทยหลังจัดตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน1,170 คนพบว่าคะแนนนิยม นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ที่ร้อยละ24.0เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจเมื่อเดือนมีนาคม2557ร้อยละ5.6(จากเดิมร้อยละ18.4)ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ22.3 ลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนร้อยละ4.5(จากเดิมร้อยละ26.8) เมื่อถามความเห็นว่า“หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะเลือกพรรคการเมืองใด” ร้อยละ27.4บอกว่าจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์(เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนร้อยละ8.4)รองลงมาร้อยละ23.5บอกว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทย(ลดลงร้อยละ5.8)และร้อยละ2.8บอกว่าจะเลือกพรรคชาติไทยพัฒนา(เพิ่มขึ้นร้อยละ0.3)
อยากให้รบ.ตู่ทำจนเสร็จทุกด้าน
ส่วนความเห็นในคำถามที่ว่า“อยากให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีระยะเวลาการทำงานเป็นอย่างไร”ส่วนใหญ่ร้อยละ66.4อยากให้ทำงานจนกว่าประเทศจะเรียบร้อยในทุกๆ ด้าน โดยอาจจะมากกว่า1ปีขณะที่ร้อยละ 33.6อยากให้ทำงานแล้วเสร็จภายใน1ปีและจัดให้มีการเลือกตั้งและเมื่อถามว่าปัญหาที่อยากให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิรูปให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีมากที่สุดคือ ปัญหาการคอร์รัปชัน ร้อยละ 30.8 รองลงมาคือปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ร้อยละ 30.1 และปัญหาความแตกแยกในสังคม ร้อยละ 19.8
ผู้นำจีนเชิญ“บิ๊กตู่”ถกเอเปค
บ่ายวันเดียวกันที่ท่าอากาศยานกองบิน6 พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ได้เดินทางกลับจากเดินทางเยือนประเทศจีน ในโอกาสอำลาตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยได้ร่วมหารือกับทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหารของจีนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ แนะนำตัวรวมถึงอธิบายถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจรวมทั้งได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้นำประเทศต่างๆในอาเซียน ทั้งนี้ นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ทำหนังสือเชิญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปร่วมประชุมเอเปค ในเดือนพฤศจิกายน โดยจีนได้ให้ความสำคัญในการเชิญผู้ใหญ่ของไทยไปเยือนจีนอยู่แล้ว
ปชป.ปลอบบิ๊กตู่อย่าน้อยใจ
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.พูดถึงกรณีห้ามมิให้กลุ่มอ.นิธิ เอียวศรีวงศ์จัดเสวนาที่ม.ธรรมศาสตร์ว่าที่พล.อ.ประยุทธ์พูดว่า”ผมไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ผมรู้ตัวผมดี”ขอบอกว่าอย่าน้อยใจว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพราะนักการเมืองจะมีอาวุธร้ายแรงชนิดหนึ่งไว้ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามคือ คำพูดที่ว่า”เรามาจากการเลือกตั้ง”หากตั้งรับไม่ดี จะตกม้าตายไปหลายคนแล้ว ดังนั้นจึงอยากขอให้คำว่า”ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง”เป็นจุดแข็ง อย่าให้กลายเป็นจุดอ่อนทำให้รำคาญใจหรือหมดกำลังใจ การฟังคนพูดเรื่องการเมืองก็เหมือนการฟังธรรมะต้องดูคนที่พูดและเลือกฟังให้ดีเพราะบางครั้งโจรก็เปล่งธรรมะได้เหมือนกัน
มาร์คแนะท้องถิ่นต้องปฏิรูป
ที่โรงแรมหรรษาเจบี อ.หาดใหญ่จ.สงขลา สมาคมศิษย์เก่ารัฐประศาสนศาสตร์นิด้า สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทยและคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมจัดเสวนาวิสัยทัศน์การปกครองส่วนท้องถิ่นในทศวรรษหน้า โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมส่งเสริมประชาธิปไตยในชุมชน มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิด พร้อมบรรยายพิเศษ “การปฏิรูปท้องถิ่นไทยในทศวรรษหน้า”มีตัวแทนปกครองส่วนท้องถิ่น141แห่ง นายก อบจ.14จังหวัดภาคใต้ นักศึกษาและประชาชนเข้าร่วมประมาณ 600 คน
โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่าความอ่อนแอของท้องถิ่นไทย มีให้เห็นคือมีงบพัฒนาน้อยมาก หากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การทำงานจะไม่เกิดการตอบสนองประชาชนและชุมชน ปัญหาที่ตอกย้ำท้องถิ่น คือ การทุจริตคอรัปชั่น การบริหารงานไม่โปร่งใส ทิศทางของท้องถิ่นในทศวรรษหน้า หากไม่สลักคราบของการทุจริตและการบริงานไม่โปร่งใส จะกระทบต่อท้องถิ่นในภาพรวม ประชาชนจะไม่เชื่อมั่นต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ชาวนครฯขึ้นป้ายต้าน’ผู้ว่าแดง’
หลังมีการแต่งตั้งโยกย้ายนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าฯชุมพร เป็นผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช ปรากฎว่าเมื่อเวลา23.00น.คืนวันที่19ก.ย.กลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดดำใส่หมวกแก๊ปขึ้นรถกระบะและจักรยานยนต์พร้อมอุปกรณ์ออกติดป้ายไวนิลตามสามแยกและสี่แยกในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีข้อความ“ไม่เอาผู้ว่าเสื้อแดง”โดยเฉพาะสามแยกบางปูและสามแยกท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ได้ขึ้นป้ายขนาดใหญ่ความยาวกว่า10เมตร มีข้อความเช่นเดียวกัน โดยในตัวเมืองมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการย้ายนายพีระศักดิ์ครั้งนี้ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับผู้ว่าฯคนใหม่
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ทหารกองทัพภาคที่4จำนวน30นายนำโดย ร้อยโท ลือชา เผือกผ่อง ผู้บังคับหมวดร้อย รส.มทบ.41ได้กระจายกำลังเข้าทำการรื้อถอนป้ายไวนิลดังกล่าว ที่บริเวณสามแยก สี่แยกและตามถนนทุกสายที่มีการติดป้ายไวนิลดังกล่าวโดยใช้เวลากว่า2ชม.เสร็จเรียบร้อย
นัดรวมตัวจี้มท.1ทบทวนผู้ว่าฯ
มีรายงานข่าวว่าในวันจันทร์ที่22 ก.ย.เวลา09.00น.ตัวแทนกลุ่มพลังมวลชนไม่ต่ำกว่า300คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมจะชูป้ายข้อความ“เราชาวนคร ไม่เอาผู้ว่าคนนี้”เพื่อแสดงสัญลักษณ์ให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีแห่หมรับในงานเทศกาลบุญสารทเดือนสิบทราบ พร้อมขอให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช อีกครั้ง
โยธาเดินหน้าปรับรังนกกระจอก
ความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาลหลังจากที่ดำเนินการในส่วนของตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ1เสร็จเรียบร้อยแล้ว ล่าสุด สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.)ได้ประสานงานกรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการปรับปรุงห้องปฏิบัติงานผู้สื่อข่าว(รังนกกระจอก)ทั้ง3ห้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของสื่อมวลชนทุกแขนง แม้เป็นวันหยุดราชการแต่มีเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าสำรวจพื้นที่รังนกกระจอกทั้ง3ห้อง ก่อนจะเริ่มให้ช่างลงมือปรับปรุง โดยจะทำความสะอาดแอร์ ติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกรอบด้านของรังนกกระจอกและทาสีหลังคาและทาสีภายนอกอาคารใหม่ให้สอดคล้องกับตึกไทยคู่ฟ้าตึกบัญชาการและตึกนารีสโมสร
จากการตรวจสอบราคา กลางงานปรับปรุงรังนกกระจอกในเว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง (www.dpt.go.th) พบเมื่อวันที่22ส.ค.เผยแพร่รายงานละเอียดงานบางส่วนโดยใช้งบประมาณทั้งหมด 2,020,000บาทโดยวิธีพิเศษ ในส่วนรังนกกระจอก1จะใช้งบประมาณทั้งหมด622,000บาท แบ่งเป็นงานปรับบปรุงอาคาร352,000บาทงานปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ90,000บาท งานจัดหาครุภัณฑ์ตู่ล็อกเกอร์1ชุด180,000บาท ส่วนรังนกกระจอก2-3ใช้งบประมาณ998,000บาท เป็นงานปรับปรุงอาคาร968,000บาท ปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ30,000บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี