บิ๊กป้อมว้าก60นักวิชาการ
อย่าลาเส้น!
ยันห้ามเสวนา‘การเมือง’
คณบดีม.สุโขทัยวอนคสช.
เปิดใจรับฟังความคิดเห็น
ทหารยันไม่มีล็อกโผสปช.
อสส.อ้างติดภารกิจ-ไม่ว่าง
เลื่อนถกฟ้อง‘ปู’จำนำข้าว
เมื่อวันที่ 22 กันยายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณี 60 นักวิชาการเข้าชื่อไม่เห็นด้วย กับการระงับจัดงานเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมาว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งต้องเดินไปเช่นนั้น อย่าให้ล้ำเส้น อะไรทำตามกฎหมายได้ก็ทำ
บิ๊กป้อมย้ำห้ามถกการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นักวิชาการเรียกร้องให้เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นและให้จัดเสวนา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถทำเรื่องไปที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะ คสช.จะเป็นผู้กำหนดว่า จะดำเนินการอย่างไร ขอย้ำว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย เพราะ คสช.ต้องการให้เกิดความสงบสุข และความปรองดอง แต่อะไรที่จะเกี่ยวข้องกับการเมือง คงไม่ได้ เมื่อถามว่า หากนักวิชาการจะเสนอจัดเสวนาวิชาการได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คสช.จะประชุมกัน ถ้ามีความชัดเจนทางวิชาการก็ไม่มีใครว่าอะไร
แม่ทัพ3ยันแค่ขอความร่วมมือ
พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่3 กล่าวถึงการยกเลิกจัดเสวนาวิชาการเรื่องความสุขและความปรองดองภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราว2557 จัดโดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25กันยายน ว่า เป็นไปตามกฎอัยการศึก เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ซึ่งที่ มช.เป็นเพียงแค่การขอร้องเท่านั้น ก็เหมือนกับส่วนกลางที่ขอความร่วมมือที่ มธ.เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานได้เรียบร้อย
ม.สุโขทัยแนะยอมฟังความเห็น
นายยุทธพร อิสรชัย คณบดีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกรณี 60นักวิชาการออกจดหมายเปิดผนึกค้านกรณีทหารและตำรวจบังคับให้นักวิชาการและนักศึกษายุติจัดเสวนาที่ มธ.ว่า อาจารย์ที่ออกมาล้วนแต่เป็นนักวิชาการรุ่นใหม่ อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งในสังคมวันนี้ ไม่ใช่แค่วาทะกรรม บรรยากาศการเมืองเปลี่ยนไป ความคิดเห็นคนรุ่นใหม่จึงเปลี่ยนไปด้วย เรื่องนี้ คสช.จะละเลยไม่ได้ ต้องทำความเข้าใจ รวมทั้งยอมรับความคิดเห็น เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้สามารถคุยกันและแสดงความคิดเห็นได้บ้าง เหมือนเราต้มน้ำในกา เราต้องปล่อยไอน้ำออกมา ไม่เช่นนั้นกาอาจระเบิดได้ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เพราะหากปิดกั้นมากเกิดไป อาจจะเป็นแรงกดดันและเป็นชนวนเหตุในการออกมาชุมนุมในอนาคตได้
สมชายจี้ตรวจสอบคัดสปช.
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกระบวนการการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายให้เหลือ 250คน ว่า ขอเรียกร้องให้ คสช. ตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการสรรหา สปช.ในบางจังหวัด เพราะยังไม่มีความโปร่งใสและมีการล็อคสเปกจากกรรมการสรรหาในบางจังหวัด ซึ่งตนได้รับทราบข้อมูลว่า มีปัญหานี้เกิดขึ้นจริง เช่น กรณีที่ จ.สุรินทร์และจ.พัทลุง ที่อาจมีการล็อคสเปก
กกต.เผยเหลือ9จว.เลือกสปช.
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาสมาชิก สปช.ประจำจังหวัด ว่า ดำเนินการเสร็จแล้ว 68จังหวัด เหลืออีก 9จังหวัดที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 22กันยายนนี้ ตามกรอบระยะเวลาที่พรฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช.กำหนดไว้ เพื่อที่สำนักงาน กกต.จะได้ส่งรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ คสช.พิจารณาในวันที่ 23กันยายน
ยั๊วข่าวล็อกสเปก-แค่คาดการณ์
ส่วนกรณี นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ อดีตรองประธานวุฒิสภาและผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหา สปช.สุรินทร์ กล่าวหาว่า การสรรหาสปช.จ.สุรินทร์ มีความไม่โปร่งใสนั้น อยากถามกลับว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านไม่มีชื่อ เพราะกระบวนการสรรหาเป็นความลับ ตนไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ทุกเรื่องในมาตรา17 ของพ.ร.ฎ.การสรรหาสปช.กำหนดว่า หากการสรรหาพบปัญหาให้อำนาจหัวหน้า คสช.เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ทั้งนี้ เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามากกต.คงต้องส่งเรื่องให้ คสช.พิจารณา ยืนยันว่ากระแสข่าวต่างๆคงเป็นเพียงการคาดการณ์ ขณะที่กรรมการสรรหาก็เป็นระดับผู้หลักผู้ใหญ่ คงไม่มีใครกล้าเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงกับเรื่องนี้ แต่หากมีเรื่องไม่ถูกต้อง คสช.ก็มีอำนาจสั่งให้มีการเลือก สปช.ใหม่ได้
โฆษกรัฐบาลยันไม่มีแน่นอน
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวล็อกสเปกคัดเลือกสปช.ว่า ไม่มีแน่นอน ที่ผ่านมาก็มีการชี้แจงกันมาอย่างต่อเนื่อง หากใครมีเบาะแสเรื่องล็อกสเปกก็ขอให้ร้องเรียนเข้ามายัง คสช.หรือรัฐบาล จะได้ดำเนินสอบสวนทันที รวมถึงดำเนินการกับผู้กระทำความผิดหากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเรื่องจริง ยืนยันว่า คสช.ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนและโปร่งใส
ส่งไมค์คืนเอกชน-สอบ3เดือน
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่ 23กันยายนนี้ ยังคงใช้ตึกสันติไมตรี เป็นที่ประชุม ยังไม่ใช้ห้องประชุม ครม.ใหม่ บนตึกบัญชาการ1 แต่อย่างใด ส่วนไมโครโฟนและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆที่นำมาติดตั้งทดลองใช้นั้น ให้ส่งคืนกลับบริษัทไปและให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สอบสวนภายใน 3เดือนว่า มีใครกระทำความผิดหรือไม่ แล้วรายงานให้นายกฯรับทราบต่อไป
ปรับปรุงรังนกระจอกใหม่
เมื่อถามถึงการปรับปรุงห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน ประจำทำเนียบรัฐบาล หรือรังนกกระจอก ทั้ง 3 ห้อง ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า หลังจากมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆขอยืนยันว่า คณะทำงานเพียงแต่เสนอแนวคิดในเรื่องการปรับปรุงและซ่อมแซมห้องสื่อมวลชนให้เกิดความเหมาะสม แต่ทั้งหมดจะต้องมีการหารือและขอรับทราบความต้องการของสื่อมวลชน โดยทั้งหมดจะทำให้เกิดความเหมาะสม สวยงามและเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพราะปัจจุบันมีสื่อเพิ่มขึ้นตามที่มีการเปิดสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลเพิ่มขึ้น
งบ2ล้านเศษ-นักข่าวล่าชื่อค้าน
บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.วีรชน สุคนธปฎิภาค คณะทำงานนายกฯได้มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวอีกครั้ง พร้อมนำแบบแปลนภาพรังนกกระจอกที่ออกแบบใหม่มาให้ดูและระบุว่าเนื่องจาก พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯสำรวจพื้นที่แล้วเห็นว่า รังนกกระจอก 1 ซึ่งใช้งานมากว่า 30 ปี รูปแบบไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมตึกนารีสโมสรและตึกไทยคู่ฟ้า จึงสั่งให้สถาปนิกร่างแบบใหม่เพื่อสร้างให้เข้ากับสถาปัตยกรรมตึกดังกล่าวและระบุว่า แบบดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากนายกฯแล้ว โดยตลอดทั้งวันสื่อมวลชนได้รวบรวมรายชื่อเพื่อแสดงจุดยืนว่า ไม่ต้องการให้ทุบรังนกกระจอกทิ้ง เพราะเป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและมีประวัติศาสตร์ทางการเมืองมายาวนานเสนอไปยังเลขาธิการนายกฯอีกด้วย
พ.อ.วีรชน กล่าวว่า ผู้รับเหมาจะเข้าดำเนินการทันที ต้องทุบตึกเดิมและสร้างตึกใหม่เพื่อความรวดเร็ว ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 60-90วัน ระหว่างรื้อถอนให้สื่อมวลชนทำงานในตู้คอนเทนเนอร์ที่จัดเตรียมไว้ให้ ยืนยันว่า หลังก่อสร้างเสร็จจะให้สื่อมวลชนกลับมาประจำตามเดิมอย่างแน่นอน การซ่อมแซมห้องสื่อมวลชนทั้ง 3จุด ใช้งบประมาณ 2,020,000บาท
อสส.แจ้งปปช.เลื่อนถกโกงข้าว
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตทำให้รัฐเสียหายกว่า 5แสนล้านบาท แต่เมื่อส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่อสส.เห็นว่า สำนวนยังไม่สมบูรณ์ จึงสั่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างปปช.กับอัยการฯเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้น
อ้างทีมงานเวลาว่างไม่ตรงกัน
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ปปช.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย ปปช.เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้คณะทำงาน ปปช.เป็นคนนัดประชุมคณะทำงานร่วมฯวันที่ 23กันยายน แต่คณะทำงานฝ่ายอัยการฯที่มี นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส.เป็นหัวหน้า ทำหนังสือแจ้งมาว่า ขอเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากคณะทำงานฝ่าย อสส.ยังไม่พร้อม
โดย นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า คณะทำงานฝ่าย อสส.ส่งหนังสือแจ้งไปที่ ปปช.เพื่อขอเลื่อนนัดออกไปก่อน เนื่องจากกรรมการบางคนมีเวลาว่างไม่ตรงกันและตนก็ติดประชุมวันที่ 23กันยายน จึงส่งหนังสือแจ้งขอเลื่อนประชุมไปเป็นวันที่ 10ตุลาคม ส่วนกรอบการทำงานจะพิจารณาตามข้อไม่สมบูรณ์อย่างที่โฆษก อสส.เคยแถลงข่าวไปแล้วเช่นเดิม
‘ปานเทพ’เซ็ง-ฮึ่มส่งฟ้องเอง
ขณะที่ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ปปช.กล่าวถึงกรณีคณะทำงานร่วมระหว่างปปช.กับอสส.ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์คดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเลื่อนประชุมนัดแรกไปก่อน ว่า หากเลื่อนออกไป ต้องพยายามจัดประชุมให้เร็วที่สุด เพื่อหารือถึงอำนาจการฟ้อง รวมถึงพยานหลักฐานที่ต้องไต่สวนเพิ่ม เพื่อทำให้สำนวนสมบูรณ์ขึ้น โดยคดีนี้ต้องทำให้เร็วที่สุด ซึ่งอาจประชุมร่วมกัน 1-2ครั้ง ยืนยันว่าการใช้เวลาพิจารณาร่วมกันคงไม่ยืดเยื้อเป็นปีเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อยากให้อสส.เป็นผู้ส่งฟ้องเอง แต่ถ้าสุดท้ายแล้วอสส.ไม่สามารถส่งฟ้องเองได้ ก็ต้องกลับมาที่ ปปช.เป็นผู้ดำเนินการ
‘ไพบูลย์’ปัดตอบตั้งปลัด’ยธ.’
ทางด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่า กระทรวงยุติธรรมเตรียมเสนอชื่อ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมต่อ ครม.ในเร็วๆนี้ ว่า “เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลย เข้าเมื่อใดแล้วผมจะตอบ”
ถอนตั้งปลัด-เหตุคุยไม่ลงตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นที่จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ส่วน นายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ขณะนี้โผแต่งตั้งโยกย้ายยังไม่ลงตัว จึงคาดว่าจะเลื่อนเสนอชื่อไปเป็นสัปดาห์หน้า เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะเลือกบุคคลใดมาเป็นปลัดกระทรวงฯระหว่าง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กับ นายชาญเชาวน์ อีกทั้งยังไม่ได้ตัวบุคคลที่จะมาเป็นอธิบดีดีเอสไอ เนื่องจาก พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ไม่ประสงค์จะโอนย้ายจากข้าราชการตำรวจ มาเป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ขณะที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.น.ที่เคยมีกระแสข่าวจะเข้ารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ แต่เมื่อ พล.ต.ต.อำนวย จะขยับขึ้นเป็น ผบช.ภ.1 จึงไม่ประสงค์จะโอนย้ายมาเป็นอธิบดีดีเอสไอเช่นกัน เนื่องจากเหลืออายุราชการอีกเพียง 1ปีก็จะเกษียณ หากโอนย้ายมาก็จะเหลือเวลาทำงานไม่มากนัก
ชื่อผอ.ข่าวกรองถึงนายกฯแล้ว
ด้าน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้เสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเป็น ผอ.สำนักข่าวกรองคนใหม่แทนตนเองที่จะเกษียณราชการเดือนกันยายนนี้ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.เมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี