'วัชระ'ปูด''เรืองไกร'รับคำสั่ง'แม้ว' ยื่นปปช.ตรวจสอบเงินบำรุงปชป.
วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557, 14.57 น.
Tag :
23 ก.ย. 57 นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษต่อนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้แจ้งหนี้เงินบำรุงพรรค หรือเงินบริจาคต่อ ป.ป.ช. ในบัญชีทรัพย์สินว่า ตนมองว่า นายเรืองไกร ได้รับไฟเขียวจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดิน ให้ดำเนินการในเรื่องนี้ และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะหยุดจะวางมือ หรือหยุดการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องไม่จริง เนื่องจากการร้องต่อ ป.ป.ช. ของบริวารพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีผลต่อหลักความซื่อสัตย์ของพรรค เพราะการที่กรรมการบริหารพรรคหรือ ส.ส.ได้ส่งเงินบำรุงพรรคผิดตรงไหน ซึ่งที่ผ่านมา นายเรืองไกร เคยร้องเรียนต่อ กกต.แล้วและ กกต. ก็ยกคำร้อง นายเรืองไกร จึงไปร้องต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอวนสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โดยถือเป็นคู่หูของนายเรืองไกร โดยใช้ ดีเอสไอ เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กลั่นแกล้งส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ล่าสุด พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร อธิบดีดีเอสไอ ก็ยืนยัน ว่าจะไม่ดำเนินการใดๆในเรื่องนี้ เพราะรู้ข้อเท็จจริงว่า ไม่เป็นความผิดตามกฎหมายพรรคการเมือง นายเรืองไกรจึงหันไปร้องต่อ ป.ป.ช ดังนั้น ตนจึงมองว่า นายเรืองไกร ใช้สิทธิโดยมีนัยแอบแฝงทางการเมือง เป็นแค่ยุงรำคาญใจเท่านั้น
นายวัชระ กล่าวต่อว่า ถ้านายเรืองไกรแน่จริง ควรตรวจสอบเส้นทางทางการเมืองของกลุ่มกฤษดานคร ที่พ.ต.ท.ทักษิณสั่งให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ 9,000 ล้านบาท แล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีเงินไหลเข้าในบัญชีของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 26 ล้านบาท เป็นค่าอะไร หรือควรตรวจสอบงบประชาสัมพันธ์ ของปตท.ที่ในปี 2556 ปตท. ให้งบกับ บ.วอยซ์ทีวี เป็นเงิน 25.3 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ลงนามผูกพันแทน คือนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ นายเรืองไกร ควรตรวจสอบ เรื่องเหล่านี้เพราะเป็นภาษีประชาชน ว่าเหตุใดไหลเข้ากระเป๋านายพานทองแท้ หรือ เป็นเพราะว่าเป็นบุตรชายอดีตนายกฯ นายเรืองไกรจึงไม่กล้าตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดจึงทราบว่า นายเรืองไกร ได้รับสัญญาณจากพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบคนของพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีดังกล่าว นายวัชระ กล่าวว่า ตนไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เป็นสัญญาญไฟเขียวจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะการสั่งการของคนแดนไกลที่อยู่ต่างประเทศไม่เคยสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากสั่งการด้วยวาจาเป็นที่รับทราบกับทั้งพรรคเพื่อไทย และทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามกับการดำเนินคดีกับนายธาริต ต่อในฐานะที่เป็นคนทำคดีแล้วต่อมามีการสั่งยุติการดำเนินการเพราะไม่มีความผิดนั้นทางอดีตส.ส.ที่ถูกกล่าวหาก็สามารถที่จะใช้สิทธิที่จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ในเวลาต่อไป