24 ก.ย.57 นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดถึงความคืบหน้าในการยื่นอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นจำเลย ความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 , 80 , 83 , 84 และ 288
กรณีที่ ศอฉ.มีคำสั่งใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการขอคืนพื้นที่ จากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) ระหว่างเดือน เม.ย. - พ.ค.53 บริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ซึ่งคดีดังกล่าวศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.57 ว่าศาลอาญาไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้ และคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นว่า
ทางสำนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลสูง ได้ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ไปเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ส่วนประเด็นในการยื่นอุทธรณ์นั้น เป็นประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจากคดีดังกล่าวอัยการได้ยื่นฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 288 ซึ่งอัยการไม่ได้ฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ก็คงจะต้องรอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ถ้าหากศาลอุทธรณ์พิจารณาสำนวนคดีเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะส่งหมายแจ้งนัดวันให้คู่ความทั้งสองฝ่ายรับทราบเพื่อมาฟังคำพิพากษาต่อไป ส่วนจะใช้ระยะเวลาเท่าใดนั้นตนคงไม่สามารถระบุได้ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาเสร็จสิ้นเมื่อใด
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นที่อัยการยื่นอุทธรณ์นั้น เนื่องจากเห็นว่าทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ โดยทาง ป.ป.ช.ได้พิจารณาไต่สวนเฉพาะในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 เท่านั้น แต่ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตาม ป.อาญา มาตรา 288 นั้น ทาง ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจพิจารณาได้ ซึ่งเท่ากับว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ไต่สวนในฐานความผิดดังกล่าว ดังนั้น จึงเท่ากับว่าไม่สามารถมีใครฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ แต่ในสำนวนคดีนี้ทางอัยการได้ฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 288 ซึ่งไม่ได้ฟ้องตาม ป.อาญา มาตรา 157 ทาง ป.ป.ช.จึงไม่มีอำนาจในการสอบสวน ทั้งนี้ ในประเด็นการอุทธรณ์อัยการก็มีความเห็นคล้ายกับกรณีความเห็นแย้งในสำนวนคดีของ นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ที่ระบุว่าศาลอาญามีอำนาจพิจารณาคดีนี้ได้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในสำนวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตจำนวนหลายสำนวน ศาลก็มีคำสั่งระบุชัดเจนว่าสาเหตุการตายเกิดจากวิถีกระสุนซึ่งมาจากเจ้าพนักงานทหารกำลังปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งของ ศอฉ.รวมทั้งคำสั่งศาลก็ได้ระบุว่าผู้เสียชีวิตไม่มีอาวุธอยู่ในมือแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำของจำเลยถือว่าเป็นการกระทำที่เกิดกว่าเหตุ มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงใส่ประชาชนจนทำให้มีผู้เสียชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี